เป็นเรื่องฮือฮาสั่นเมือง เมื่ออังกฤษเป็นหัวขบวนเรียกร้องให้มีการแบนกะทิไทย โดยอ้างเหตุผลงี่เง่าว่าใช้แรงงานลิงเก็บ โดยองค์กรที่ตั้งชื่ออย่างสวยหรูว่า “ประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม” หรือ “พีตา” ซึ่งมีตาแต่จะจ้องมองประเทศที่คิดว่าจะข่มขู่เอารัดเอาเปรียบได้ แต่ข้างหลังตัวเองนั้นก็ใช้แรงงานสัตว์อย่างขาดจริยธรรมกว่ายิ่งไปกว่าเขาเสียอีก
อย่างการทำอาหารฟัวกราส์ หรือตับห่าน อาหารระดับหรูของคนยุโรป โดยเอาท่อยาวกว่าฟุตบังคับสอดเข้าไปในคอห่าน แล้วกรอกอาหารที่มีแต่ไขมันและแป้งลงไปทุกวัน จนไขมันไปพอกตับทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นราวๆ ๑๐ เท่า ห่านต้องทุกทรมานจากโรคไขมันพอกตับอยู่ ๔ สัปดาห์จึงถูกเชือดเพื่อเอาตับไปขึ้นโต๊ะในภัตตาคาร คนที่เห็นแต่ผลประโยชน์โดยไม่มีจริยธรรมเท่านั้นที่จะทำได้และกินลง
การใช้แรงงานสัตว์มีด้วยกันทุกชาติในโลกและทุกยุคทุกสมัย ตามความสามารถของสัตว์ที่ทำงานนั้นได้ดีกว่าคน แต่ความสำคัญขึ้นอยู่กับการใช้อย่างทาสหรือมีเมตตากรุณาต่อสัตว์ สำนึกในความดีของสัตว์ที่ช่วยงานในครอบครัว
คนไทยเราดูแลสัตว์ที่เลี้ยงไว้ ไม่ว่า ช้าง ม้า วัว ควาย หรือลิงเก็บมะพร้าว ลิงเล่นละคร เหมือนคนในครอบครัว ที่ใดยุงชุมก็ไปสุมควันไล่ยุงให้วัวควายนอนได้สบาย ยามแก่เฒ่าทำงานไม่ไหวก็เลี้ยงดูต่อไปด้วยใจผูกพันที่เคยช่วยงานกันมา ลิงเก็บมะพร้าวที่แก่เกินวัยทำงานแล้ว ยังได้กินทุเรียน เรื่องอย่างนี้คนตะวันตกไม่เข้าใจ เพราะคิดถึงผลประโยชน์อย่างเดียว
ในสมัยสงครามเวียดนาม ผู้เขียนเคยเขียนเรื่องของสุนัขสงครามในกองทัพอเมริกัน ชื่อ โจอี้ พันธุ์เยอรมันแชพเพิร์ด ขณะลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยสนามบินอุดร พบคนร้ายลอบเข้ามาจะวางระเบิดสนามบิน โจอี้พุ่งเข้าไปงับแขนจับไว้ได้ทันก่อนจะวางระเบิด กองทัพอเมริกันชื่นชมวีรกรรมของโจอี้มาก มอบยศ “สิบเอก” ให้ แต่เมื่อสิบเอกโจอี้ถึงวัยปลดประจำการ ก็จะต้องถูกนำไปฆ่าทิ้งตามระเบียบของสุนัขสงครามทั่วไป เพื่อไม่ให้ต้องเสียงบประมาณเลี้ยงดูโดยไม่ได้ประโยชน์ ทหารไทยที่เคยปฎิบัติงานร่วมกับสิบเอกโจอี้จึงอ้อนวอนขอมาเลี้ยงเอง และนำไปเลี้ยงไว้ที่ศูนย์ฝึกสุนัขทหารที่ปากช่อง และยังเป็นพ่อพันธุ์สุนัขสงครามไทยได้หลายตัว
นี่ก็แสดงให้เห็นการใช้แรงงานสัตว์ของคนตะวันตกกับคนตะวันออกที่แตกต่างกัน อย่างที่คนตะวันตกไม่สามารถเข้าใจคนไทยในเรื่องนี้ได้
อย่าว่าแต่จะเอาเปรียบสัตว์เลย มนุษย์ด้วยกันก็ไม่เว้น ถ้าจะตักตวงผลประโยชน์ได้
ในราวปี ค.ศ.๑๘๒๐ หรือ พ.ศ.๒๓๖๓ อังกฤษยึดครองอินเดียแล้ว ได้ซื้อใบชาจากจีนไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ขาดดุลการค้ากับจีนอย่างหนัก อังกฤษจึงหาทางจะทำเงินจากจีนบ้าง โดยนำฝิ่นจากอินเดียมาป้อนเข้าตลาดจีน ทำให้คนจีนติดฝิ่นกันงอมแงมทุกระดับชั้น ใน ค.ศ.๑๘๓๘ จีนประกาศห้ามนำเข้าฝิ่น ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงประหารชีวิตทั้งคนค้าและคนเสพ แต่ฝิ่นที่ทำกำไรงามให้อังกฤษก็ยังทะลักเข้าจีนไม่หยุด จีนจับฝิ่นจำนวนมากได้ที่ท่าเรือกวางโจว อังกฤษขอคืนแต่จีนปฏิเสธ และบังคับให้พ่อค้าอังกฤษลงนามในข้อตกลงว่าจะไม่ค้าฝิ่นอีก พ่อค้าอังกฤษปฏิเสธ รัฐบาลจีนได้มีหนังสือไปถึงรัฐบาลอังกฤษ ถามว่ารัฐบาลอังกฤษห้ามค้าฝิ่นในอังกฤษ ไอร์แลนด์ และสกอตแลนด์โดยเด็ดขาด อ้างว่าเป็นสิ่งเลวร้ายที่ผิดศีลธรรม แต่ทำไมส่งฝิ่นมาขายให้จีนและตะวันออกไกล อังกฤษตอบไม่ตรงคำถาม บอกว่ารัฐบาลจีนยึดสินค้าของชาวอังกฤษเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม และขอสินค้าคืน จีนจึงตอบโต้ด้วยการทำลายฝิ่นของกลางทั้งหมด อังกฤษเลยได้โอกาสยถือเป็นข้ออ้าง ส่งกองเรือเข้าปิดล้อมชายฝั่งมณฑลกวางตุ้ง จีนจึงต้องจำใจรับเอาฝิ่นไปมอมเมาประชาชน และต้องชดใช้ค่าฝิ่นที่ถูกทำลาย พร้อมทั้งจ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามให้อังกฤษด้วย กับยอมเปิดเมืองท่าชายทะเล ๕ แหงรับฝิ่น
สำหรับไทยก็ไม่พ้น ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๓ อังกฤษได้ส่ง เซอร์เจมส์ บรู๊ค เป็นทูตการค้าเข้ามาขอเจรจาลดภาษีขาเข้าและเปิดตลาดการค้าฝิ่นอย่างถูกกฎหมายในเมืองไทย แต่ได้รับการปฏิเสธ ทําให้อังกฤษไม่พอใจ จะเอาเรือรบเข้ามาบังคับ เผอิญเปลี่ยนรัชกาลเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงติดตามข่าวต่างประเทศจากหนังสือพิมพ์ของตะวันตกมาตลอด ทรงตระหนักว่าไม่อาจขัดขวางการเรียกร้องของอังกฤษได้ จึงมีพระราชสาส์นตอบรับข้อเรียกร้องทางภาษีของเซอร์เจมส์ บรู๊คทุกข้อ ส่วนเรื่องฝิ่นทรงเห็นว่าไม่อาจขัดขวางได้เช่นกัน เพราะเป็นผลประโยชน์มหาศาลของอังกฤษ จึงทรงมีเงื่อนไขว่าขอให้ขายกับรัฐบาลเท่านั้น เพื่อรัฐบาลจะควบคุมการจำหน่ายได้
เรื่องลิงเก็บมะพร้าวก็รู้กันอยู่ว่าเป็นข้ออ้างที่มีเจตนาอื่นแอบแฝง องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับสัตว์แห่งนี้ไม่รู้เชียวหรือว่า การใช้ลิงเก็บมะพร้าวเป็นแค่วิถีชีวิตของคนภาคใต้ แต่การทำอุตสาหกรรมผลิตกะทิส่งขายทั่วโลก แล้วใช้ลิงปลิดมะพร้าวทีละลูกจะไหวหรือ เหมือนกับตอนที่ล่าอาณานิคมก็บอกว่า เห็นว่ายังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่ จะมาช่วยปกครองให้เจริญทัดเทียมกับตน แต่กลับขนไปหมดประเทศ
เรื่องนี้ก็ยังถือว่าไม่แปลก เพราะเป็นการกระทำของคนที่หิวกระหายผลประโยชน์อย่างไม่มีจริยธรรมกับประเทศที่ด้อยโอกาสกว่า แต่ที่แปลกก็คือยังมีคนไทยเองอุตส่าห์ไปงัดรูปจากที่ไหนไม่รู้มากระหน่ำบ้านพ่อเมืองแม่ของตัวเองซ้ำเข้าไปอีก เป็นเรื่องแปลกและบัดซบสิ้นดี คิดว่าการชังชาติ ทำลายชาติของตัวเอง เป็นวีรกรรมหรืออย่างไร งั้นก็ส่งข่าวไปบอกเจ้านายเอ็งอีกทีว่า ที่เมืองไทยเขาไม่ได้ทรมานสัตว์แค่ใช้ลิงเก็บมะพร้าวเท่านั้น เขายังใช้กระต่ายขูดมะพร้าวด้วยว่ะ