xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเอกสาร กรมท่าอากาศยาน แฉห้างยักษ์หรู สร้างบนที่ดินตาบอด ใช้เพื่อกิจการสนามบิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เปิดเอกสาร กรมท่าอากาศยาน แฉห้างยักษ์หรู สร้างบนที่ดินตาบอด ยันถนนเข้าโครงการเป็นที่กรมธนารักษ์ ใช้เพื่อกิจการสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่เปิดช่องให้เอกชนฉวยทำหากิน ขณะที่ห้างเครมเป็นของกรมทางหลวง อ้างคนทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ หลังพบหนังสือ เอกชน ขัดแย้งกับราชการ ด้านคมนาคม ระบุการก่อสร้างผิดกฎหมายหลายข้อ หวั่นกระทบความปลอดภัยขวางแนวร่อนเครื่องบิน เตือนภาครัฐอนุมัติย้อนหลังระวังซวย ห้างดังย้ำชัดปฏิบัติตามข้อกฎหมาย

ภายหลังที่นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ตรวจสอบพบว่าบางส่วนของโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ หรือเอาต์เล็ตหรู ของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ รุกล้ำในเขตกรมธนารักษ์ ที่ ทอท.เช่าพื้นที่ รวมทั้งศูนย์การค้าฯอยู่ติดกับเขตการบิน และอาจกระทบต่อความปลอดภัยการบิน ซึ่งยังไม่ได้ขออนุญาตจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

วันนี้ (4 ก.ค. ) แหล่งข่าวจากทอท. กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังพบว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ หรือเอาต์เล็ตหรูระดับโลก ยังได้ก่อสร้างโครงการในพื้นที่ดินตาบอด โดยไม่สามารถออกจากโครงการ สู่ทางหลวงหมายเลข 370 ตอนทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้านถนนบางนา – บางบัว (ที่ กม. 1+927 และ กม.2+127)ได้ ซึ่งเป็นที่พัสดุ กรมธนารักษ์ โดยการครอบครองของกรมท่าอากาศยานและให้ทอท.ใช้พื้นที่ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนที่ดิน

โดยหลักฐานสำคัญ คือหนังสือบันทึกข้อความ ที่ คค 0504/187 จาก นางอัมพวัน วรรณโก อธิบดีกรมท่าอากาศยาน ลงวันที่ 16 ม.ค.62 ถึงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท. สรุปสาระสำคัญว่าทางหลวงหมายเลข 370 ยังเป็นพื้นที่พัสดุ ในความครอบครองของกรมท่าอากาศยาน และ มอบให้ ทอท. ใช้ประโยชน์ตามข้อ 7 คือ ใช้ประโยชน์อันเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเวนคืนที่ดิน ตามความเห็นของ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่7) ที่ 398/2556 ระบุว่า จะนำถนนดังกล่าว ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นๆไม่ได้ อีกทั้งยังพบว่ากรมท่าอากาศยาน ยังไม่ได้มีการส่งมอบถนนดังกล่าวให้แก่ แขวงทางหลวงสมุทรปราการ สังกัดกรมทางหลวง ตามที่บริษัท เซ็นทรัลฯ กล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงส่งผลให้ ทอท.ไม่อนุญาตให้บริษัทเซ็นทรัลฯ ใช้พื้นที่ตามเหตุผลข้างต้น

ซึ่งแตกต่างจากหนังสืออีกฉบับ จากนายกอบชัย จิราธิวัฒน์ และ นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ทำหนังสือถึง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เรื่องการขออนุญาตเปิดทางเท้าทำทางเชื่อมในเขตทางหลวงหมายเลข370 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 62 โดยหนังสือระบุสาระสำคัญว่า หลังตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และแนวบรรทัดฐานที่เกี่ยวข้องระบุว่าทางหลวงหมายเลข 370 เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมทางหลวง ได้สร้างและประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ และถนนดังกล่าวอยู่นอกเขตการเวนคืน จึงไม่ต้องปฏิบัติการตามวัตถุประสงค์ ที่ระบุว่า ใช้ประโยชน์อันเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมิ และที่ผ่านมายังพบว่า กรมทางหลวง จัดสร้าง ดูแล บำรุง รักษาทางหลวงหมายเลข370 มาตลอด จึงไม่ใช่ที่ดินในความดูแลของทอท. ดังนั้น บริษัท เซ็นทรัลฯ รวมทั้งบุคคลอื่นๆ จึงสามารถใช้ที่ดินดังกล่าวได้เพื่อเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ที่ดินของบริษัทเซ็นทรัลฯและขอยืนยันว่าไม่ได้รุกล้ำที่ดินในความดูแลของ ทอท.แต่ประการใด

ด้านแหล่งข่าวจากคมนาคม กล่าวว่า นอกจากประเด็นข้างต้น ยังพบว่าโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ ยังถมดินทับลำรางสาธารณะ หรือไม่ และยังปลูกสร้างในพื้นที่สีเขียว (ประเภทชนบทและเกษตรกรรม) ที่ไม่อนุญาตให้สร้างโรงแรมและสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ รวมทั้งการอนุญาตก่อสร้างในพื้นที่ตาบอดสามารถทำได้เพียง200ตารางเมตร แต่อบต.บางโฉลง ไปออกใบอนุญาตให้2 ,000ตารางเมตรเพราะไปเข้าใจว่าที่ดินด้านหน้าติดทางหลวงสาธารณะ ทั้งที่ความจริงยังเป็นที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ โดยความครอบครองกรมท่าอากาศยาน และให้ทอท.เช่า

“ ก่อนหน้านี้ อบต.บางโฉลง อ้างว่าออกใบอนุญาตถูกต้อง คือ2,000ตารางเมตรในแต่ละอาคาร ที่ระบุว่าห้างเซ็นทรัล จะทำเป็นโรงแรมจำนวน 5 หลัง เป็นการเลี่ยงบาลีทางกฏหมาย ซึ่งในการก่อสร้างจริงๆ นั้น มีการเชื่อมเสาเข็ม คาน ต่อเนื่องกันไม่ได้แยกเป็นแต่ละอาคาร ดังนั้นการก่อสร้างของห้างดัง บนเนื้อที่
40,000ตารางเมตรบนพื้นที่ 100 ไร่ สุ่มเสี่ยงผิดกฏหมายหลายข้อหรือไม่ รวมทั้งแนวการก่อสร้างยังอยู่ในแนวร่อนเครื่องบินของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่อาจมีผลกระทบด้านความปลอดภัย และการก่อสร้างไม่ได้ขออนุญาตจากกรมการบินพลเรือน ซึ่งขณะนี้โครงการได้ก่อสร้างไปแล้ว และหากไปยื่นขออนุญาต ภายหลัง และมีส่วนราชการพิจารณา หรือ ผ่อนปรนให้ ก็จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อภาคเอกชนหรือไม่”แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุ

ขณะบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ ถึงกรณีที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ โดยระบุว่า

จากกรณีที่มีประเด็นข่าวเกี่ยวกับพื้นที่การก่อสร้างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจนั้น ทางบริษัทขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนของโครงการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยโครงการได้ยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการ การก่อสร้างได้รับใบอนุญาตและมีความปลอดภัยตามมาตรฐานความปลอดภัยในเขตการบิน ปัจจุบัน ไม่มีพื้นที่ใดๆ ของโครงการรุกล้ำที่ดินของภาครัฐ โดยบริษัท คำนึงถึงความปลอดภัย การรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การพัฒนาชุมชนร่วมกันต่อไปในอนาคต อีกทั้ง บริษัทฯ ได้รับฟังความคิดเห็น และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนใน ต. บางโฉลง อ.บางพลี รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนย่านสนามบินสุวรรณภูมิ

โดยทางบริษัทฯ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงที่อาจมีการเข้าใจผิดในประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1.เซ็นทรัล วิลเลจได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตัวอาคารแต่ละหลังมีขนาดพื้นที่ไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร และมีความสูงไม่เกิน 23 เมตร บนที่ดินที่ซื้อมาจากเอกชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ไม่ได้ตั้งอยู่บน หรือรุกล้ำพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และ/หรือ ที่ดินของภาครัฐใดๆ 2. โครงการนี้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศบริเวณใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ บริษัท เชื่อมั่นว่า จะได้รับความเป็นธรรมเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม ด้วยความตั้งใจอันดีที่จะทำให้โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นลักชูรี่เอาท์เล็ตในระดับสากล (International Luxury Outlet) จากฝีมือคนไทยเป็นที่แรกในประเทศไทย เพื่อเชิดชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย สร้างความภาคภูมิใจในการเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้งระดับโลก ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาท้องถิ่น ให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนใกล้เคียง ให้ย่านสนามบินสุวรรณภูมิและพื้นที่โดยรอบเป็นเมืองสนามบินที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก







กำลังโหลดความคิดเห็น