ผบ.ตร.สั่ง ภ.จว.บึงกาฬ ไปดูแลคดีเหยื่อถูกหลอกซื้อของออนไลน์ โอนเงินแล้วไม่ได้ของถึงมือ อยู่ดีๆ ก็หายไลน์ไม่ตอบ พร้อมสั่งรายงานข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวนพูดจาไม่ดีต่อฝ่ายผู้เสียหาย ลั่นต้องสร้างสัมพันธ์อันดี ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามประชาชน ถ้าไม่ทำตามจะฟันไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
วันนี้ (24 พ.ค.) จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Pakpaew Kiattiya Tasee” ได้โพสต์เรื่องราวถึงการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เซกา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ที่ไม่รับแจ้งความผู้เสียหายจากการซื้อสินค้าออนไลน์ ไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 004-8-11300-1 ชื่อบัญชี นายนิทัศน์ แซ่ตั้ง จำนวน 50,600 บาท แล้วไม่ยอมส่งสินค้าให้ โดยได้ลงบันทึกประจำวันเมื่อวันที่ 22 พ.ค. เวลา 14.40 น. แต่ทางธนาคารกสิกรไทยระบุว่ายังไม่ใช่การแจ้งความเพื่อดำเนินคดี แนะนำให้ไปขอใบแจ้งความใหม่
แต่เมื่อกลับมาที่โรงพักกลับถูกปฏิเสธ อ้างว่าทำอะไรไม่ได้ แจ้งความไปก็ไม่ได้เงินคืนอยู่ดี เขากดไปใช้หมดแล้ว ดีไม่ดีบัญชีก็อาจถูกสวมรอย โดนขโมยบัตรไปเปิดบัญชี ไม่ใช่เจ้าตัวจริงๆ และตำหนิว่าไปเต็มใจโอนให้เขาเอง ยังจะกล้าสั่งของออนไลน์กันอีก ควรออกประกาศให้คนเลิกสั่งของออนไลน์กันไปเลย พอสั่งของโดนโกงกันมา ก็มาลำบากตำรวจอีก และไล่ให้ไปหาหลักฐานการโอนเงินมาแนบเพิ่ม จึงได้เดินทางกลับบ้านไป แต่เมื่อ 2 ชั่วโมงผ่านไป ตำรวจกลับบอกให้ไปที่โรงพัก บอกว่าดำเนินการให้แล้ว และให้เตรียมเอกสารมาเพิ่มอย่างละ 2 ชุด
อ่านประกอบ : ตำรวจบึงกาฬฉาวไม่รับแจ้งความเหยื่อถูกหลอกซื้อของออนไลน์ อ้างแจ้งไปก็ไม่ได้เงินคืนอยู่ดี
ล่าสุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก สภ.เซกา ว่าเมื่อวันที่ 22 พ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีนายเอกราช ทาสี เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ได้สั่งซื้อสินค้ากับทางคู่กรณีที่ใช้ชื่อว่า jeab โดยได้ติดต่อกันผ่านทาง แอปพลิเคชันไลน์ และโอนเงินเป็นจำนวน 50,600 บาท เข้าบัญชีนายนิทัศน์ แซ่ตั้ง ตามที่คู่กรณีได้ให้ไว้ ซึ่งตกลงว่าจะได้จัดส่งสินค้าให้ในวันถัดไป แต่กลับไม่มีการจัดส่งสินค้าให้ และไม่สามารถติดต่อคู่กรณีได้ จึงมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 23 พ.ค. ภรรยาของผู้แจ้งได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอให้ทำการอายัดบัญชีของทางคู่กรณี ซึ่งภายหลังภรรยาของผู้เสียหายได้มีการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายนั้น หลังรับแจ้งเหตุทางพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามกฎหมาย และประสานธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้อง กับทั้งสอบปากคำพยานในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
โดยในวันนี้ พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ได้มอบหมายให้ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ลงไปควบคุม กำกับดูแลเกี่ยวกับคดี เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ร่วมกับ พ.ต.อ.ธีร์รัฐ ทิพย์นพนนท์ ผกก.สภ.เซกา และสั่งการให้พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องนั้นให้รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวพฤติการณ์ที่ถูกพาดพิงเกี่ยวกับเรื่องใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมตามที่ถูกกล่าวอ้าง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดว่า ข้าราชการตำรวจต้องมีจิตสำนึกของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ต้องมีท่าทีเป็นมิตรและมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความสุภาพอ่อนโยนกับประชาชน ปฏิบัติตนให้เป็นที่เชื่อถือ ไม่เบียดเบียน ไม่แสดงกิริยาท่าทางไม่สุภาพ ดูหมิ่นหรือเหยียดหยามประชาชน ต้องมุ่งสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนนโยบายการเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีนั้นจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นผู้นำที่ชี้ทางที่ถูกต้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เสริมสร้างความสามัคคี บำรุงขวัญและกำลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งส่วนใหญ่ได้นำไปปฏิบัติตามและเกิดประสิทธิภาพในการทำงาน แต่หากพบว่ามีตำรวจนายใดยังไม่ปฏิบัติตาม อย่างเช่นกรณีที่เกิดขึ้นก็จะดำเนินการอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง