xs
xsm
sm
md
lg

ทูลกระหม่อมฯ เสด็จกรุงเบอร์ลิน ร่วมงาน ITB 2019 โปรโมตการท่องเที่ยวไทย แนะใช้สื่อโซเชียลต้องเปิดกว้างรับฟังความเห็นต่าง ไม่โกรธใคร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


MGR Online - ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จร่วมงานท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดในโลกที่เยอรมนี แนะวิธีการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด โปรดแหล่งท่องเที่ยวชมพญานาคที่นครพนม-มุกดาหาร และอาหารริมทางประเภทเส้น แนะใช้สื่อโซเชียลด้วยความเปิดกว้าง รับฟังความเห็นต่าง ไม่โกรธเพราะไม่อยากแก่เป็นอัลไซเมอร์ การที่คนด่าทำให้ได้มองและปรับปรุงตัวเอง

วานนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.16 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเยือนกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ณ ศูนย์การจัดนิทรรศการ Messe Berlin Exhibition Ground สถานที่จัดงาน International Tourismus Börse (ITB) 2019 งานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คณะกรรมการ และผู้บริหาร ททท. เฝ้าฯ รับเสด็จ และเยี่ยมชมคูหาประเทศไทย

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จประทับ ณ ชั้น 2 คูหาประเทศไทย เพื่อประทานสัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย โดยทรงมีข้อเสนอแนะกับคนในชุมชนในเมืองรอง และท้องถิ่นต่างๆ เกี่ยวกับการเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และดูแลชุมชนของตนเองให้มีเสน่ห์ระบุว่า

“คนไทยต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับเขา ทำให้เขามีความสบายใจที่จะมาเที่ยว มาเยี่ยมบ้านเรา นักท่องเที่ยวเขาชอบเราเพราะทุกๆ ที่ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง โดยเฉพาะเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามจำนวนมาก ไม่ได้มีแค่ชายทะเล เราเองก็เคยไปหลายที่ จนบางทีก็รู้สึกประหลาดใจ โดยแต่ละที่ก็มีอัตลักษณ์และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง นับเป็นเสน่ห์ของแต่ละที่แต่ละชุมชน เราเป็นเจ้าของบ้าน เราต้องมีความภูมิใจในอัตลักษณ์ และแสดงอัตลักษณ์ของตัวเอง เพราะเรามีสิ่งที่คนอื่นไม่มี เพราะฉะนั้นเราต้องชูอัตลักษณ์ให้มีความแตกต่าง

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราพูดมาเสมอว่าคนไทยจะต้องมีจิตใจที่เป็นมิตร มีความเต็มใจที่จะบริการ ทำให้ทุกคนสะดวกสบาย มีความสุขที่จะมาบ้านเรา ชาวต่างชาติเขาคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดเวลาไปเยือนสถานที่ต่างๆ คือ ความปลอดภัย ถ้านักท่องเที่ยวมาแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยจะทำให้ไม่อยากกลับมาเที่ยวอีก เพราะฉะนั้น เราต้องช่วยให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย ต้องช่วยกันดูแล ให้อยู่ดีกินดี มีความสุข อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องดูแลคนไทยกันเองด้วย ในการที่จะประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวบ้านเรา และทุกคนต้องช่วยกันร่วมมือร่วมแรง ในการทำงานของข้าพเจ้าก็คือ ร่วมแรงร่วมใจ ให้ทุกคนช่วยกัน ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นเพื่อนกัน”


ขณะเดียวกันก็ทรงตอบคำถามถึงสถานการณ์ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเองก็ยังไม่ค่อยให้ความสนใจเดินทางไปท่องเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองมากนัก ระบุว่าสาเหตุอาจเกิดจากการที่ชาวไทยเหล่านั้นอาจจะยังไม่ทราบข้อมูลด้านท่องเที่ยวในเมืองรอง เพราะแหล่งท่องเที่ยวในเมืองรองบางแห่งก็ไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์ โดยในแหล่งท่องเที่ยว 55 เมืองรองที่ทาง ททท.พยายามกระตุ้นก็ยังมีอะไรดีๆ อยู่อีกมากที่เราไม่ทราบ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ สิ่งดีๆ ของจังหวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใดก็ตาม ต่างมีดีทุกจังหวัดทั้งเมืองหลักเมืองรอง

“เมืองไทยสวยทุกที่ ... เท่ทุกเวลา บางทีเราไปจังหวัดนี้ ยังไม่รู้ว่ามีสถานที่หรือของดีอะไร ต้องถามกัน ดังนั้นเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ เพราะบางทีสิ่งดีๆ ก็อยู่ที่ปลายจมูก เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันนำข้อมูลเหล่านี้ลงไปให้ถึงประชาชน” ทูลกระหม่อมฯ ระบุ

ทรงแนะนำแหล่งท่องเที่ยวชมพญานาคใน “นครพนม-มุกดาหาร”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ได้ทรงเสด็จไปปฏิบัติพระกรณียกิจ ทู บี นัมเบอร์ วัน ทั่วประเทศ ทรงเห็นว่ากิจกรรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดใดน่าสนใจบ้าง ทรงตอบว่า ในการทำงานทู บี นัมเบอร์ วัน ได้มีโอกาสไปจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศครบทุกจังหวัดแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการไปทำงานจึงไม่ได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวมากนัก

“ไปได้ครบทุกจังหวัดแล้วเพราะต้องไปทำงาน โดยเมื่อมีเวลาว่างจึงได้ไปเที่ยวในสถานที่ใกล้ ๆ แต่บางครั้งก็ไม่ได้ไปเพราะต้องไปเช้ากลับเย็นหรือควบสองจังหวัด โดยการไปทำงานก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับเด็กๆ และผู้ปกครอง ยอมรับฟังกันและกัน ได้คุยกับผู้คนเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ เช่น ความเป็นอยู่ ยาเสพติด ปัญหาปากท้อง ซึ่งปัญหามีเยอะมาก ซึ่งเราก็อยากเข้าไปช่วยเหลือแก้ไข แต่เราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องก็ยาก ลึกล้ำ เราก็แก้ไม่ได้ทั้งหมด

บางทีไปไกลๆ ก็จะทำงานควบสองจังหวัด หากมีเวลาว่างก็จะค้างประมาณหนึ่งคืนเมื่อมีเวลาว่างไปในแหล่งท่องเที่ยว มีโอกาสพบเห็นสิ่งต่างๆ อย่างเช่น นครพนม ที่เป็นเมืองริมโขง เป็นเมืองพญานาค ก็ประติมากรรมพญานาค “พญาศรีสัตตนาคราช” กำลังพ่นน้ำขนาดใหญ่มากและสวยงามมากที่ ส่วนที่มุกดาหารก็มีพญานาค “พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช” ที่วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ มีพญานาคคอยปกป้องพระพุทธรูปองค์สีขาว ก็ศักดิ์สิทธิ์มากและได้ไปอธิษฐานที่นั่น”
ประติมากรรมพญานาค พญาศรีสัตตนาคราช จ.นครพนม
“พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช” ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ จ.มุกดาหาร
โปรดไปวัด แนะไม่โกรธใคร เพราะไม่อยากแก่และเป็นอัลไซเมอร์

“เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าชอบไปวัด เพื่อทำให้จิตใจสงบ จะได้ไม่แก่ ไม่เป็นอัลไซเมอร์ เพราะการโกรธเกรี้ยวโมโหโทโส อารมณ์เสียก็จะเป็นสาเหตุโรคอัลไซเมอร์ได้ และปีนี้พระท่านบอกว่าไม่ให้เราโกรธใคร ซึ่งเราก็จะไม่โกรธเพราะเราไม่อยากแก่และเป็นอัลไซเมอร์” ทูลกระหม่อมฯ ระบุ และว่าเดี๋ยวนี้เมื่อไปเที่ยวที่ไหนก็พยายามถ่ายรูปสวยๆ มาลงในอินสตาแกรม พยายามหาวิธีเขียนที่สนุก เพราะถ้าเขียนแบบวิชาการจะน่าเบื่อ คนก็ไม่อยากไปเที่ยว ว่ามีตรงไหนบ้างที่น่าสนใจเป็นการโปรโมตการท่องเที่ยวที่ได้ผล

แนะใช้สื่อโซเชียลด้วยความเปิดกว้าง รับฟังความเห็นต่าง

สำหรับประเด็นของการใช้สื่อสังคม (สื่อโซเชียล) เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ทรงแนะว่าสื่อโซเชียลนั้นมีจุดเด่น คือ สามารถส่งข้อมูลข่าวสารไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังได้ผลดีเยี่ยมในการเข้าถึงผู้คนทุกที่ทุกแห่ง ทั้งยังสามารถโต้ตอบกันได้ อย่างไรก็ตาม การใช้สื่อสังคมก็ต้องเปิดใจกว้างรับฟังทุกคอมเมนต์ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

“ทุกคนสามารถคุยกับข้าพเจ้าได้ ถ้ามีเวลาก็จะพยายามตอบ คนมาแสดงความคิดเห็นหลายคนก็ให้กำลังใจมาก ซึ่งเรารู้สึกขอบใจ ซาบซึ้งใจที่พวกเรามาให้กำลังใจทำให้สามารถที่จะกำมีกำลังใจทำงานดีๆ ต่อไป แต่บางครั้งสื่อออนไลน์ก็มีข้อเสียที่ต้องระมัดระวังในการใช้ อย่างบางคนใช้ในการด่ากัน แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะมองว่าคนด่าทำให้เราหันมามองตัวเอง ได้ปรับปรุงตัวเอง ไม่ต้องชมตลอดเวลา อย่างเมื่อก่อนเคยเปิดเฟซบุ๊กสาธารณะก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ก็มันดี แต่ตอนหลังๆ ก็เยอะไปก็เลยปิด และถ้าเป็นเรื่องไม่จริงก็ไม่แคร์ ปีนี้พระท่านบอกว่าไม่ให้โกรธหรือโมโหใคร ตามสุภาษิตที่ว่าโกรธคือโง่โมโหคือบ้า ปีนี้จะไม่โมโหใครเลย เพราะถ้าโกรธและโมโหก็จะทำให้เราแก่เร็วและเป็นอัลไซเมอร์”

ไทยต้องผสานของเก่า-ใหม่ คนไทยคือจุดแข็งของประเทศ

ในส่วนคำถามที่ว่าเมื่อช่วงปลายปี 2561 นิตยสารท่องเที่ยว คอนเด นาสต์ ทราเวลเลอร์ จากสหราชอาณาจักร เปิดเผยผลการลงแคะแนนของผู้อ่านนิตยสารจากทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ และมีความเห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ดีที่สุดด้านผู้คน (Best Country for People) ก็ทรงมีความเห็นว่า คนไทยคือจุดแข็งของประเทศไทย ในหลายแง่เพราะคนไทยเป็นคนมีน้ำใจ เมตตา กรุณา ชอบช่วยเหลือ เป็นคนใจดี มันเป็นนิสัยดั้งเดิมของเรา คนไทยมีทัศนคติเชิงบวก เป็นคนที่ปล่อยวาง เปิดกว้าง ชอบช่วยเหลือ เห็นได้จากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิปี 2547 คนต่างชาติก็ชื่นชมเรื่องความมีน้ำใจของเรา

“นี่คือจุดแข็งของประเทศ เป็นเสน่ห์ของเจ้าของบ้านที่ดี นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว เรื่องคนไทยคือนัมเบอร์วันที่ทำให้ประเทศไทย เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือน” ทูลกระหม่อมฯ ระบุ และว่าเมืองไทยมีความหลากหลายในสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม มีความเก่าและความใหม่ผสมผสานกันอยู่ ทำให้ใครชอบอย่างไรก็สามารถไปเที่ยวอย่างที่ตัวเองชอบได้ แต่เราก็ไม่สามารถโปรโมตของเก่าได้ทั้งหมด เพราะมีของใหม่ๆ อยู่ด้วย

“ของเก่าบางอย่างที่ดีก็เก็บไว้ เช่น วัฒนธรรมของความเป็นมิตรเป็นวัฒนธรรมเก่าดั้งเดิมของไทย แต่เราก็ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ที่แปลกๆ ด้วย”

โปรดอาหารริมทางแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะประเภทเส้น

สำหรับคำถามที่ว่า ปัจจุบันอาหารริมทาง หรือสตรีทฟูดในประเทศไทยเป็นที่กล่าวขวัญและชื่นชอบของชาวต่างชาติอย่างมาก ทรงโปรด และมีคำแนะนำอย่างไรบ้างก็ทรงให้สัมภาษณ์ว่า “ปัจจุบันอาหารริมทาง (สตรีทฟูด) บางอย่างแพงยิ่งกว่าอาหารในร้านอาหารบางแห่งเสียอีก อาหารริมทางของไทยได้รับรางวัลมิชลินสตาร์หลายร้าน แต่ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้ออกไปทานอาหารข้างนอกบ่อยนัก ถ้าถามว่าชอบอะไรข้าพเจ้าชอบอาหารริมทางแบบดั้งเดิม ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปขายขนม เช่น น้ำตาลสด ข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนที่ข้าพเจ้าชอบรับประทานคือ ก๋วยจั๊บริมคลอง อาหารจำพวกเส้นๆ

ข้าพเจ้าชอบอะไรที่สบายๆ ช่วงหลังมีโอกาสได้ทำกับข้าวบ่อยขึ้น ทำอาหารเป็นหลายอย่างแล้ว สงสัยต้องไปตั้งร้านอาหารสตรีทฟูดเอง ไว้ไปแข่งกับร้านที่แพงๆ บ้าง”

เมื่อเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก็ทรงพระราชทานกิจกรรมสาธิตการทำกระเป๋าประดิษฐ์ (D.I.Y.) โดยใช้วัสดุตกแต่งจากงานศิลปหัตถกรรมท้องถิ่นจากจังหวัดเมืองรองของประเทศไทยซึ่งมีสีสันงดงาม ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานที่มารอรับเสด็จ และชื่นชมพระอัจฉริยภาพอย่างเนืองแน่น