xs
xsm
sm
md
lg

หลอกใช้เหยื่ออาชญากรรม? “ทนายตั้ม” แฉกลับ “อัจฉริยะ” ให้สองผัวเมียดิสเครดิตปมเงิน 5 แสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ษิทรา” แฉกลับ “อัจฉริยะ” ใช้สองผัวเมียนักธุรกิจอาหารทะเลดิสเครดิต แจงรับจ้างโจทก์ให้ช่วยว่าความเพิ่มข้อหาจำเลย แต่ยกเลิกสัญญาแล้ว ก่อนไปหาอัจฉริยะ อ้างทำคดีให้ฟรี แต่ต้องทำตามที่บอก ก่อนรู้ว่าเอามาโจมตีเรื่องส่วนตัว เลยแจงกองปราบฯ-ตำรวจกระทุ่มแบน ไปแล้ว เตรียมฟ้องกลับ “ท่านประธานฯ” หมิ่นประมาท พ่วงแกล้งผู้อื่นรับโทษทางอาญา 44 กรรม

จากกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง และเลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน เพื่อเยาวชนและสังคม ต่อ พ.ต.ท.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2561 โดยกล่าวหาว่า นายษิทรา เรียกรับเงินจำนวนเงิน 5 แสนบาท จากนายสมนึก และ นางวาสนา (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของธุรกิจส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ในจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อวิ่งเต้นทางคดีต่ออัยการ พร้อมนำสลิปการโอนเงิน และคลิปเสียงมามอบไว้เป็นหลักฐาน โดยก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะยังได้ร้องเรียนต่อ นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้สอบมรรยาททนายความนายษิทรา และมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สภาทนายความฯ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2561 ที่มี ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความฯ เป็นประธาน ได้มีมติให้สอบมรรยาททนายความนายษิทราตามขั้นตอน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (19 ม.ค.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวว่า ตนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ ในข้อหา แจ้งความเท็จ ให้การเท็จ ทำพยานหลักฐานเท็จ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จำนวน 44 กรรม

นายษิทรา ยังได้อธิบายในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า รับสินบนจากนางวาสนา เป็นจำนวนเงิน 5 แสนบาท ว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ตนรับเป็นทนายความให้นางวาสนาในคดีแพ่งและคดีอาญาจำนวน 3 คดี คือ คดีฉ้อโกงที่ค้างอยู่ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร คดีรับของโจรผู้เกี่ยวข้องรายอื่นซึ่งยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน และติดตามเอาทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายคืน โดยนางวาสนา ต้องการให้เพิ่มกรรมกับจำเลย เมื่อตรวจสอบข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงไม่สามารถยื่นหลักฐาน หรือขอความเป็นธรรมที่พนักงานอัยการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ ประกอบกับเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่ได้ใช้วิธีโอนเงินทางธนาคาร จึงยากที่จะติดตามยึดทรัพย์มาได้ จึงแจ้งแก่นางวาสนา กระทั่งต้นเดือนสิงหาคม 2561 นางวาสนามาขอยกเลิกสัญญา ตนได้คืนเงินทั้งหมดให้แก่นางวาสนาในอีกไม่กี่วันถัดมา

“หลังจากนั้น นางวาสนาได้ไปพบนายอัจฉริยะ นายอัจฉริยะ จึงถามนางวาสนาถึงเรื่องราวทั้งหมด นางวาสนาก็ได้บอกว่าไปหาทนายตั้ม แต่ทำงานไม่สำเร็จ โดยมีการคืนเงินกันแล้ว ซึ่งมีคลิปเสียงยืนยันกับนายอัจฉริยะ ว่า ได้มีการว่าจ้างกันจริง เมื่อนายอัจฉริยะได้ฟังคลิปเสียงโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จึงอาสาทำให้ฟรี โดยใจลึกๆ อาจจะอยากทำลายผม โดยมีเงื่อนไขให้นางวาสนา ทำตามที่นายอัจฉริยะบอก ด้วยความไม่รู้กฎหมายและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นางวาสนา จึงต้องทำตาม เพราะหวังว่าจะได้เงินที่ถูกโกงกลับคืนมา แต่ต่อมาภายหลังนางวาสนาและครอบครัว ได้รู้ความจริงว่า นายอัจฉริยะไม่ได้มุ่งช่วยเหลือเรื่องคดี แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวต้องการเอาเรื่องนี้มาโจมตีผม นางวาสนาไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของนายอัจฉริยะ จึงได้ไปให้ข้อเท็จจริงกับตำรวจกองปราบปราม และ ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ว่า สิ่งที่นายอัจฉริยะพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง ต้องยอมรับว่า นางวาสนากับครอบครัวเป็นคนที่รักความถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับผม ผมขอขอบคุณนางวาสนา และครอบครัวมาก” นายษิทรา ระบุ

นายษิทรา ยังกล่าวอีกว่า ทางสภาทนายความมีมติเป็นเอกฉันท์ ได้ยกคำร้องไม่รับคำกล่าวหาตน ในเรื่องให้สินบนพนักงานอัยการอีกด้วย

นอกจากนี้ นายษิทรา ยังโพสต์ภาพตนเองที่ถ่ายคู่กับนายอัจฉริยะเมื่อครั้งอดีต พร้อมข้อความบนภาพระบุว่า “ยังรักพี่อยู่นะครับ”




กำลังโหลดความคิดเห็น