xs
xsm
sm
md
lg

ตะลุมบอนไทย-ฝรั่งเศสสมัยพระนารายณ์ดุเดือดเผ็ดมัน!วางระเบิดตูมเดียวตายกว่า ๒๐๐ กลางเจ้าพระยา!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

ทหารไทยเข้าล้อมป้อมบางกอก ด้านบนคือป้อมวิไชยประสิทธิ์ในปัจจุบัน                                          ด้านล่างเป็นป้อมฝั่งตะวันออกที่ถูกรื้อ ในภาพคือบริเวณปากคลองตลาด
เรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นับว่ามีรายละเอียดมากกว่าทุกยุค และใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด เพราะบันทึกโดยบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์หรือร่วมสมัย บาทหลวงที่เข้ามามากในสมัยนั้นต่างก็มีบทบาททางการเมือง และต่างก็ขยันบันทึกหรือรายงานไปยังสำนักงานใหญ่ในฝรั่งเศส เรื่องเหล่านี้ถูกพิมพ์เผยแพร่ในยุโรป ซึ่งกรมศิลปากรได้นำมาแปลไว้หลายเล่ม เรื่องที่นำมาเล่าวันนี้จากหนังสือชื่อ “พงศาวดารเรื่องฝรั่งเศสเป็นไมตรีกับไทยครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช” โดย มองซิเออร์ ลันเย แปลโดย อรุณ อมาตยกุล

เมื่อประหารวิชเยนทร์ไปแล้ว พระเพทราชาได้เรียกนายพลเดฟาซที่คุมทหารรักษาป้อมที่บางกอกอยู่ให้ขึ้นไปลพบุรี บอกว่าจะให้ลูกชายของนายพลเดฟาซทำหน้าที่แทนวิชเยนทร์ นายพลเดฟาซก็รีบพาลูกชาย ๒ คนขึ้นไปทันที เมื่อไปถึงพระเพทราชาอ้างว่าตอนนี้ทหารไทยกำลังปราบกบฏอยู่ทางอีสาน ขอให้เรียกทหารฝรั่งเศสขึ้นมาให้ไปช่วยปราบก่อน นายพลเดฟาซก็อ่านออกว่าเป็นแผนกำจัดทหารฝรั่งเศสแน่ จึงบ่ายเบี่ยงว่าทหารจะต้องได้รับคำสั่งจากปากของเขาเองเท่านั้นจึงจะมา พระเพทราชาก็ให้นายพลเดฟาซลงไปตามเอง แต่ให้ลูกชาย ๒ คนอยู่ นายพลเดฟาซก็หมดทางปฏิเสธ

มองซิเออร์ลันเยบันทึกไว้ว่า นายพลเดฟาซลงมาแล้วก็ถ่วงเวลาไม่ยอมกลับขึ้นไปลพบุรี พระเพทราชาก็ให้ลูกชายเขียนจดหมายมาบอกว่า ถ้ากองทหารฝรั่งเศสไม่ขึ้นไป เขาก็จะต้องตายทั้งสองคน นายพลเดฟาซจึงตอบไปแบบชายชาติทหารอย่างโก้ว่า เขามีความรู้สึกในความเดือดร้อนของลูกทั้งสอง ถ้าจะช่วยชีวิตลูกด้วยการสละชีวิตตัวเองคนเดียวแล้ว ก็จะยอมสละให้โดยไม่ได้คิดเสียดายเลย แต่ถ้าจะเป็นการผิดต่อหน้าที่แล้ว ก็ขอให้ลูกเอาเยี่ยงอย่างบิดาเถิด ขอให้ถือว่าการทำเพื่อพระผู้เป็นเจ้าและในราชการของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นเกียรติยศอันสูงอย่างยิ่ง ขอให้ลูกทั้งสองเชื่อเถิดว่า ถ้าลูกตายไปก็จะมีคนมาแก้แค้นให้แน่
ประโยคหลังนี้น่าจะเป็นการขู่พระเพทราชามากกว่า

จากนั้นนายพลเดฟาซและผู้ใต้บังตับบัญชาก็เตรียมสู้กับทหารไทยเต็มที่ และส่งนายร้อยโทแซนต์ คริก ลอบออกไปเมืองมะริด เรียกทหารฝรั่งเศสที่นั่นให้มาช่วย นายร้อยโทแซนต์ คริกลงเรือพร้อมกับทหาร ๑๗ คนแอบเล็ดรอดออกไป ครั้นลงไปใต้บางกอกประมาณ ๒ ไมล์ ทหารไทยที่ลาดตระเวนอยู่จึงเอาเรือหลายลำออกมาขวางไว้ เกิดการปะทะกัน ฝ่ายฝรั่งเศสสู้ไม่ได้ด้วยจำนวนไทยมีมากกว่าหลายเท่า จึงเอาดินปืนมาโรยไว้บนดาดฟ้าเรือ ทั้งเตรียมลูกแตกสำหรับขว้างไว้ด้วย ครั้นเตรียมการไว้เสร็จ นายร้อยโทแซนต์ คริกก็ปล่อยให้ทหารไทยปีนขึ้นเรือมา พอขึ้นบนดาดฟ้าได้จังหวะแล้ว จึงสั่งให้ทหารยิงปืนพร้อมกัน ทันใดดาดฟ้าเรือก็เหมือนล้างอย่างเกลี้ยงเกลา ฝ่ายไทยที่ปีนขึ้นมาไม่เหลือแม้แต่คนเดียว แต่ทหารไทยก็ไม่ยอมลดละ ที่ยังอยู่ต่างกรูกันขึ้นไปบนเรือฝรั่งเศสอีก นายร้อยโทแซนต์ คริกเห็นว่าเหลือกำลังที่จะต่อสู้ได้ จึงได้ลงไปใต้ท้องเรือ เอาไฟจุดห้องเก็บดินปืน ระเบิดเรือของตัวเอง ทหารฝรั่งเศสกับไทยกว่า ๒๐๐ จึงได้ตายไปพร้อมกันกลางเจ้าพระยา

นี่ก็เป็นฉากดุเดือดรุนแรงฉากหนึ่ง ในสมัยฝรั่งเศสเป็นไมตรีกับไทยแบบมีเลศนัยครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช


กำลังโหลดความคิดเห็น