xs
xsm
sm
md
lg

“อัศวิน” ประกาศสานต่อนโยบาย “ NOW ทำจริง เห็นผลจริง" วอนคนกรุงร่วมเป็นเจ้าของบ้านเดินหน้าไปด้วยกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศวาระการพัฒนากรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ. 2561 ภายใต้นโยบาย NOW “ทำจริง เห็นผลจริง” ชูกรอบการทำงาน 100 วัน 200 วัน 300 วัน และ 1 ปี ติดตามงานที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ เน้นสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นและยั่งยืน

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศวาระการพัฒนากรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ. 2561 ภายใต้นโยบาย NOW “ทำจริง เห็นผลจริง” ชูกรอบการทำงาน 100 วัน 200 วัน 300 วัน และ 1 ปี เพื่อการติดตามงานที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ พร้อมเน้นสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นและยั่งยืน สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของบ้าน เป็นเจ้าของกรุงเทพฯ และร่วมพัฒนาเมืองไปพร้อมกัน

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม. ได้นำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี วิสัยทัศน์ประเทศไทย 4.0 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่หยุดนิ่ง มากำหนดเป็นวาระการพัฒนากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2561 พร้อมเดินหน้านโยบาย NOW อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “ทำจริง เห็นผลจริง” โดยมีกรอบระยะเวลา 100 วัน 200 วัน 300 วัน และ 1 ปี เป็นตัวกำหนดการทำงานที่ชัดเจนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ทุกโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพฯ สะอาด สะดวก ปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตดี และวิถีพอเพียง สำเร็จตามเป้าหมาย สิ่งที่ขาดหายไปก็จะได้รับการเติมเต็ม ในส่วนของเสียงสะท้อนจากประชาชนถึงจุดอ่อนและข้อบกพร่องต่างๆ ในปีที่ผ่านมา จะเร่งปรับปรุงแก้ไข เพื่อประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และทำกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นต่อไป

"100 วัน เพิ่มการบริการฉับไว ใกล้ชิดชุมชน ประชาชนปลอดภัย" สำหรับโครงการที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 100 วัน อาทิ การตั้งศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานฯ กทม. และ 50 สำนักงานเขต เพื่อรักษาสภาพความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความสวยงามของคูคลองให้ยั่งยืน เพื่อเป็นการน้อมนำพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มาเป็นแนวทางในการร่วมกันพัฒนาสภาพแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า ในส่วนของงานบริการประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ กทม. นั้น จะเดินหน้าทุกโครงการให้เห็นผลจริง ประชาชนได้รับประโยชน์และเกิดความพึงพอใจ อาทิ โครงการนัดหมอล่วงหน้ารักษาเร็วขึ้น เพียงนัดหมายผ่านศูนย์ BFC โรงพยาบาล เป็นการให้บริการนัดหมายล่วงหน้า ลดเวลาการรอคอยก่อนพบแพทย์ เดินหน้าโครงการทิ้งเป็นที่...เก็บเป็นเวลา ทั้งบนบกและริมน้ำครบทุกพื้นที่ 855 จุด ลดปัญหาขยะตกค้าง เปิดศูนย์สร้างสุขทุกวัย 9 ศูนย์ สร้างกิจกรรมหลากหลายดูแลคนทุกวัย โครงการ กทม. เคลื่อนที่สู่ชุมชน ซึ่งจะเป็นการนำบริการด้านต่างๆ ลงสู่ชุมชน ทั้งด้านการแพทย์ ทะเบียนราษฎร สัตว์เลี้ยง สิ่งแวดล้อม พร้อมฝึกอาชีพ อาทิ บริการคัดกรองมะเร็งสตรี การตรวจประเมินภาวะสุขภาพจิต ตรวจจอประสาทตา งานทันตกรรม หน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป หน่วยฝึกอาชีพเคลื่อนที่ บริการฉีดยุง ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและฝังไมโครชิป นอกจากนี้จะได้เริ่มโครงการ Water Bank ธนาคารน้ำใต้ดิน และแก้มลิงเก็บน้ำตามศาสตร์พระราชาเพื่อพักน้ำยามฝนตกบริเวณจุดที่มีน้ำท่วมขังบ่อยครั้ง รวม 10 จุด การสร้างถนนสายอัตลักษณ์ด้วยพันธุ์ไม้บนถนนสายหลัก 9 สาย โครงการกทม. เมืองสว่าง ไฟติดทุกดวงในสวนสาธารณะ สะพาน ถนน ตรอก และซอย รวม 6,065 จุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เป็นต้น

"200 วัน พัฒนาคน พัฒนาการศึกษา เพิ่มศักยภาพโรงเรียน กทม." สำหรับการพัฒนาการศึกษาโรงเรียนสังกัด กทม. และส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนในสังกัด ถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่ง ที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อสร้างมาตรฐานการเรียนรู้ และผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสู่สังคม ซึ่งในช่วงเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2561 หรือ 200 วันนับจากนี้ กทม. มีแผนงานต่างๆ ในการส่งเสริมการศึกษาให้แก่นักเรียนกทม. เพื่อเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาพร้อมมอบโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณค่า ต่อยอดการเรียนรู้ และสานฝันสู่อาชีพในอนาคต อาทิ ให้ทุนนักเรียน 100 คน เรียนภาษาอังกฤษภาคฤดูร้อนในต่างแดน เพิ่มห้องเรียนไทย-อังกฤษ จาก 46 เป็น 52 โรงเรียน และห้องเรียนไทย-จีน 14 โรงเรียน เดินหน้าโครงการเด็กหลังห้อง ดูแลเด็กกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดและสร้างแรงบันดาลใจการเรียนรู้แก่เด็ก สร้างครูหัวใจ กทม. โดยจัดสรรทุนเรียนครูปีละ 100 ทุน เป็นเวลา 5 ปี แก้ไขปัญหาขาดแคลนครูในสังกัด จัดสรรโควต้านักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้โครงการต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่จะทยอยแล้วเสร็จตามกำหนด เช่น Pipe Jacking หรือท่อลอดช่วยเพิ่มการระบายน้ำจะแล้วเสร็จใน 2 เส้นทางจากทั้งหมด 10 เส้นทาง การปรับปรุงภูมิทัศน์ย่านปากคลองตลาด เปิดสวนสาธารณะฝั่งธนบุรีแห่งใหม่ 2 สวน ได้แก่ สวนเพชรเกษม 69 และสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 7 รอบพระชนมพรรษา เขตบางบอน และการเพิ่มช่องทางชำระภาษีและค่าธรรมเนียมผ่านโครงการ QR Payment กับ 9 ธนาคาร

"300 วัน กรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลง พร้อมบริการทันใจด้วยระบบออนไลน์" ทั้งนี้ในช่วงเวลา 300 วัน โครงการต่างๆ ที่ดำเนินการจะเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น เห็นกรุงเทพฯ เกิดความเปลี่ยนแปลง ศูนย์สร้างสุขทุกวัยเปิดบริการครบทั้ง 50 เขต ปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนอีก 2 สาย (ถนนเชียงใหม่ตลอดสาย และถนนสุขุมวิท 65 ถึงสถานีรถไฟฟ้าบางจาก) แล้วเสร็จ ถนนอัตลักษณ์ด้วยพันธุ์ไม้สวยงามครบทั้ง 9 เส้นทาง พื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นด้วยสวนสาธารณะแห่งใหม่ย่านกาญจนาภิเษก-ตัดพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 และการพัฒนาระบบนัดหมายออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการติดต่อรับบริการด้านงานทะเบียนและการขออนุญาตต่างๆ เป็นต้น

"1 ปี ผลิตคน ผลิตงาน ทุกโครงการจับต้องได้ เห็นผลจริง โดย 1 ปีจากนี้ โครงการที่เริ่มดำเนินการนับตั้งแต่ระยะ 100 วันแรก จะเห็นผลเป็นที่ประจักษ์เพื่อแก้ไขปัญหาเมือง และประชาชนได้รับการดูแลและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น สถานีดับเพลิงย่อย 5 สถานี ดอนเมือง พหลโยธิน ร่มเกล้า ลาดพร้าว ประเวศ แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้ภายใน 1 ปี เพิ่มจำนวนโรงพยาบาล 2 แห่ง ได้แก่ ก่อสร้างโรงพยาบาลคลองสามวา และเปิดแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) ชั่วคราว โรงพยาบาลบางนา Water Bank ธนาคารน้ำใต้ดิน แล้วเสร็จทั้ง 5 จุด ได้แก่ บริเวณ สน.บางเขน สวนสาธารณะใต้สะพานข้ามแยก ถนนรัชดาภิเษก ตัดถนนวิภาวดีรังสิต ใต้สะพานข้ามแยกถนนกรุงเทพกรีฑา ตัดถนนศรีนครินทร์ ปากซอยสุทธิพร 2 ถนนอโศกดินแดง และหมู่บ้านเศรษฐกิจ และแก้มลิงเก็บน้ำตามศาสตร์พระราชา แล้วเสร็จ 4 จุด Pipe Jacking แล้วเสร็จอีก 6 เส้นทาง คลองโอ่งอ่างได้รับการปรับปรุง เพื่อกรุงเทพฯ ปลอดภัย สวยงาม และส่งเสริมการท่องเที่ยว" พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว



<b>(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)</b>


กำลังโหลดความคิดเห็น