รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจร้านอาหารสุวรรณภูมิ ยืนยันราคาอาหารมีทั้งถูก-แพง

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจอาหารสนามบินสุวรรณภูมิ จากกรณีปัญหาการร้องเรียนราคาอาหารภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีราคาแพง พร้อมยืนยันราคามีทั้งราคาถูก และ ราคาแพง

วันนี้ (16 ม.ค.) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม จากการเดินตรวจสอบภายในอาคารผู้โดยสาร ทั้งส่วนศูนย์อาหารแมจิก ฟู้ด พอยท์ หรือ สตรีทฟู้ด บริเวณชั้น 1 ประตู 8 และร้านค้า ร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ในชั้นที่ 2 - 3 พบว่า ส่วนของสตรีทฟู้ดนั้น มีราคาอาหารเริ่มต้นตั้งแต่ 25 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร สำหรับราคาเครื่องดื่มในโซนสตรีทฟู้ด น้ำเปล่าขวดละ 10 บาท น้ำอัดลม และน้ำหวานอื่นๆ ราคา 10 - 15 บาท

ส่วนร้านอาหารที่เป็นร้านแบรนด์เนมที่อยู่ชั้น 2 และ 3 ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ก็มีการควบคุมราคาไม่ให้สูงเกินกว่าที่สัญญาสัมปทานกำหนดไว้ คือ ไม่เกิน 25% ของอาหารและเครื่องดื่มที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ขณะเดียวกัน ก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่หลายร้าน โดยจำหน่ายราคาน้ำเปล่าที่ 7 บาทเท่านั้นเอง

นายไพรินทร์ กล่าวว่า เรื่องของราคาที่จำหน่ายสูงกว่าห้างสรรพสินค้าชั้นนำนั้น ก็เข้าใจว่า การให้บริการของร้านอาหารเหล่านี้ ให้บริการตั้งแต่เช้าถึงดึก ก็เห็นใจ โดยรูปแบบการให้บริการของร้านอาหารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็ถือเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสารได้เลือกใช้บริการ ในลักษณะเดียวกันกับที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ดังนั้น จึงได้ให้ ทอท. ไปดำเนินการในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารได้รับทราบมากขึ้นด้วย

นายไพรินทร์ กล่าวว่า ทั้งนี้ หากสรุปผลการตรวจราคาอาหารและเครื่องดื่มในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็แบ่งได้เป็น 3 เรื่อง คือ 1. เรื่องที่ระบุว่าถูกหรือแพงนั้น ก็สรุปว่ามีทั้งถูกและแพง 2. น้ำเปล่าที่บอกว่าแพงนั้น ในร้านสะดวกซื้อมีเริ่มต้นที่ขวดละ 7 บาท จึงไม่ได้แพง และ 3. ร้านอาหารแบรนด์เนม ก็มีการควบคุมเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การตรวจสอบมีความชัดเจนมากขึ้น ได้มอบหมายให้ ทอท. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อติดตามดูแลเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ จากนั้นให้ทำรายงานให้ตนทราบ

“เรื่องการบริการจัดการร้านค้านั้น ทอท. ได้เปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อรับสัมปทานตั้งแต่ปี 2549 แล้ว หากทุกคนไม่ชอบในวิธีดังกล่าว เมื่อหมดสัมปทานในอีก 2 - 3 ปีข้างหน้า ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้” นายไพรินทร์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบห้องน้ำ พบว่า ยังจำเป็นต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในแผนของ ทอท.ที่จะดำเนินการอยู่แล้ว โดยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน