xs
xsm
sm
md
lg

พ่อน้องเมย โอด...“ข้อมูลย้อนแย้ง” เศร้า...“ยังมืดมนไร้ทางออก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็นกระแสที่พูดได้ว่า “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ไปแล้ว ณ ชั่วโมงนี้ สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหาร ล่าสุด ผู้เป็นพ่อได้เปิดใจผ่านรายการ “เป็นเรื่อง!” ตัดพ้อ “ข้อมูลย้อนแย้ง” เหมือนไร้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

จากรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ของน้องเมย - นรต.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ที่อวัยวะส่วนหนึ่งหายไปจากร่างกาย ทั้งสมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งปอดและตับที่หายไปอย่างละครึ่ง ทำเอาตกตื่นตะลึงไปตามกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อวันอังคารที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อของน้องเมย “พิเชษฐ์ ตัญกาญจน์” ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ในรายการ “เป็นเรื่อง!” ทางช่อง News1 โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

จากที่คุณพ่อฟังคำแถลงการณ์จากฝั่งโรงเรียน และ ผบ.สส. คุณพ่อรู้สึกยังไงบ้าง

ผมฟังแล้วเฉยๆ คือได้ยินมาแล้ว คือได้ฟังมาหลายวันแล้วครับ มันเฉยๆ ครับ คือสำหรับผมแล้วไม่เชื่อ เหมือนกับเขาพยายามบ่ายเบี่ยงไป สีไปข้างโน้นที ข้างนี้ที ไปคนละฝั่ง

คุณพ่อยังเชื่อว่าอวัยวะของน้อง ยังอยู่หรือเปล่า

ผมก็ยังไม่แน่ใจนะครับ เพราะมาถึงตรงนี้ บ่ายเบี่ยงกันไปมาว่าอวัยวะลูกผมยังอยู่ครบหรือเปล่า

คุณพ่อนั่งฟังแถลงข่าว แล้วมีข้อมูลไหนบ้างที่คิดว่าไม่ใช่ความจริง

ก็ข้อมูลแรกเลย คือ การที่เสียชีวิตด้วยหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หรือหัวใจล้มเหลว ที่มีข้อพิรุธ คือตรงนี้ คือเขาไม่ได้บอกสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากอะไร เขายังไม่มีคำตอบให้ผม ผมก็พยายามนั่งมอง ไม่ว่าจะเป็น ผอ.ทางกองแพทย์ หรือ ทางโรงเรียนเตรียมทหาร เขาก็จะคุยหนีไปมา หลบไปมา จนผมต้องไปคุยหลายครั้งแล้ว คือผมไปคุยกับ ผอ. กองพยาบาล เขาก็ตอบคำถามแบบย้อน และก็แย้งจากตัวเขานะ

อะไรที่บ้างที่คุณพ่อรู้สึกว่า มันย้อนแย้งในตัวเขาเอง

เช่น การตัดชิ้นเนื้อบางส่วน ของอวัยวะลูกผมบางส่วน เอาไปย้อมสี หรือ แช่แข็ง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเขานะ แต่นี่คือตัดไปหมดเลย มันคืออะไรครับ ผมก็เลยเรียนตามตรงว่าถ้าสมองก็ดี หัวใจก็ดี หรือ กระเพาะก็ดี เขาบอกว่าตัดบางส่วน ตรงนี้เหรอครับที่บอกว่าบางส่วน แล้วเขาชอบมาใช้บางส่วนว่า เข้าใจกันผิด สื่อสารกันผิด ชอบใช้คำพูดลักษณะอย่างงี้ ผมก็เลยไม่มีความเชื่อ

ตัวคลิปเสียง 45 นาที ที่ตอนแรกครอบครัวจะไม่เผยแพร่ แต่พอกองทัพออกมาแถลง นี่คือคุยกับน้องตั้งแต่ 8 พฤศจิกายน ใช่มั้ย

ใช่ครับ

วันนั้น คุยอะไรกันบ้าง

วันนั้น จริงๆ เราก็ไม่ได้นัดกันไปคุยกันนะครับ วันนั้นที่ไปคุยคือไปเอาใบชันสูตรพลิกศพ จากโรงพยาบาล หรือ สถาบันนิติเวช ของเขา ทางรอง ผอ. โรงพยาบาลเตรียมทหาร ซึ่งวันที่ 7 เขามาพบกับผม แล้วเขาบอกว่า วันที่ 8 รับมาแล้ว ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร วันพรุ่งนี้ ผมจะขึ้นไปเอา พอไปถึงนครนายก ผมโทรหา รอง ผอ. แล้วเขาบอกว่าให้ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีเอกสาร หรือ อะไรก็ไม่แน่ใจ แต่เขาก็ตอบผมไม่ได้ เขาไม่มีสิทธิ์ให้ ผมก็เลยโทรหาผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหารเลย ก็ไปพบกับท่านที่นั่น ก็นั่งคุยกัน เพราะว่าท่านก็มาด้วย ผอ. ก็ลงมาคุยด้วย ไปคุยรายละเอียดกับลูกสาว

เขาก็พูดถึงกรรมวธีตัดชิ้นเนื้อบางส่วน เพื่อไปย้อมสี แล้วไปแข่แข็ง แล้วไปหั่นเป็นชิ้นๆ อะไรของเขาในทางการแพทย์ ที่มีความรู้ในด้านนี้นะครับ คือผมฟัง ผอ.กองแพทย์มาหลายๆ ครั้งแล้วเนี่ย ผอ.ตอบไปแต่ละครั้ง เหมือนกับเอาตัวรอดคนเดียว อย่างที่คุยกับลูกสาวผมก็จะประมาณว่า ผมจะรู้เหรอว่าคุณจะผ่ารอบ 2 แล้วคำนี้ คนอย่างระดับ ผอ. โรงเรียนเตรียมทหาร สมควรที่จะพูดมั้ย

วันที่ไปคุยกับทั้ง ผอ. โรงเรียน ทั้งตัวของ ผอ. กองพยาบาล คุณพ่อรู้แล้วใช่มั้ยคะ ว่า อวัยวะ 4 ชิ้นของน้องหายไป

อันนั้น ผมรู้แล้ว ยังไม่ได้บอกรายละเอียดเขา คือ....เขาก็ตกใจ

คือคำว่า บางชิ้น บางส่วนของที่เขาเข้าใจ คุณพ่อก็ไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าคุณพ่อรู้แล้ว

เขาไม่ได้บอกผม แต่ผมรู้แล้ว ผมรู้ได้ยังไง เพราะลูกสาวผม ผ่าตัดครั้งที่สอง เขาเอาเข้าห้องผ่าตัดด้วยตัวเขาเอง เขาเอาไปดูเลยว่า เกิดอะไร แบบไหน ยังไง กับน้องเขา ผลมันเป็นยังไง ผมเลยต่อสายกับลูกผมอย่างเดียว

พอคุณพ่อเฉลย สีหน้าท่าทางอีกฝั่งหนึ่งเป็นยังไง

ก็หันซ้ายขวาแล้วครับ คงจะหันมามองหน้ากันเอง คือแค่บอกว่า ศพยังไม่ได้เผา ก็เริ่มมีปฎิกิริยากันแล้ว

คือพอคุณพ่อบอกไป เขาตื่นเลย

ไม่ตื่น แต่เหมือนงงๆ ว่าอะไรแบบไหนยังไง

แล้วหลังจากนั้นว่ายังไงต่อ

เขาบอกว่าให้ผมไปตามเอง ต้องทำหนังสือไปเอากับร้อยเวร

สุดท้าย ก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง

ครับ จนกระทั่งวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้รับอะไรเลย ทั้งในผลการชันสูตรพลิกศพ ก็ยังไม่มีเลย

คือทำเอง พอรู้ขั้นตอนที่เขาทำ แต่พอวันนี้ที่ติดขั้นตอนเยอะแยะมากมาย มันติดอะไรที่ไม่สามารถเบิกกลับมาได้

เขาแนะนำมาให้ผมครั้งหนึ่งแล้ว แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่า เขาแนะนำว่าอะไร ในวันที่ 8 ที่ผมไปพบเขา คือผมจะไปเอาผลการผ่าชันสูตรครั้งแรก แล้วเขาให้ผมไม่ได้ แล้วเขาถามลูกสาวผม รายละเอียดอยู่ที่เขา ว่าเพราะอะไร ซึ่งเขาก็มีการสอบสวนกันเองนะครับ

ตอนนี้ เรื่องอวัยวะก็ยังไม่ชัดเจน

อันนี้ผมยังไม่ทราบจริงๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาตอบกับผม แม้กระทั่งเขาเอาอวัยวะลูกผมไปทั้งหมด ก็ไม่มีมาแจ้งผมเลย คุณคิดว่ามันทำถูกมั้ยละครับ ไม่ว่าจะเป็นผลทางการแพทย์ก็ดี ซึ่งผมไม่มีความรู้ตรงนี้หรอก แต่ทำไมเขาไม่แจ้งกับเจ้าของ อย่างน้อยผมก็เป็นผู้ปกครองของลูก เบอร์ผมก็มี ทำไมถึงไม่แจ้ง เพราะอะไรถึงไม่แจ้ง

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่เรื่องยังไปต่อไม่ได้ คุณพ่อคิดว่าจะทำยังไงต่อ

ก็ต้องอาศัยผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา ให้ดูอีกทีว่า จะเป็นอะไรแบบไหน ยังไง

ทางครอบครัว ติดใจเรื่องไหนที่สุดคะ

ติดใจในเรื่องการเสียชีวิตด้วยหัวใจหยุดเต้น หรือล้มเหลวเฉียบพลัน สองตัวนี้ แต่ตอบไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรที่ผมสงสัย

ถ้าโฟกัสไปที่ว่า น้องเสียชีวิตเพราะว่าถูกลงโทษ ในวันที่ได้อวัยวะน้องมา คุณพ่อจะดำเนินการต่อยังไงครับ

ก็ดำเนินการไปตามเรื่องจริงๆ ครับว่า ให้มันเป็นประโยชน์กับเด็กรุ่นหลังๆ ต่อไป ซึ่งตอนนี้ถ้าผมไปโวยวายอะไร ผมก็ไม่ได้ลูกคืนแล้ว ก็เป็นประโยชน์ให้กับรุ่นหลังต่อไป เขาจะได้ไม่มีปัญหาอย่างนี้

ตอนนี้ยังไม่มีใครบอกเลยว่าส่วนมที่เหลือยังอยู่มั้ย

ก็ยังไม่มีใครแจ้งมา ดูตอนที่เขาแถลงข่าว บางทีผมก็จับใจความไม่ถูก จะยังไง ผมก็ต้องปรึกษากับลูกสาวผมต่อว่าจะยังไง คือเราก็ต้องไปติดตามเอง อาจจะต้องไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ถึงจะไปเอาได้ เห็นลูกสาวผมบอกพูดอยู่นะครับ

อย่างบางชิ้นที่รายงานตามหน้าหนังสือพิมพ์ ที่บอกว่า อยากให้น้องออกจากโรงเรียน แต่น้องจะเรียน อันนี้ข้อเท็จจริงเป็นยังไง

ไม่จริงครับ ลูกผมไม่เคยพูดคำนี้ นอกจากเขาไปเจอะผมก็ไม่รู้จากเขา แต่เคยคุยกับเขา ในวันที่ 23 สิงหา ที่ผ่านมา เช้าวันที่ 24 ผมไปถึงที่ แล้วถามลูกว่า เยครับ ออกมั้ยลูก เจ็บมั้ย เขาก็ตอบกลับมาว่า เจ็บ แต่ผมไม่ออกครับพ่อ ผมเดินมาไกลแล้ว คือคำนี้คือ เขาเรียนมามากแล้ว เสียเวลามา 2-3 ปี ไม่ว่าลูกจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

เห็นว่าข้อความสุดท้าย ระยะห่างก่อนที่น้องเสียชีวิตไม่มากใช่มั้ย

ก็ชั่วโมงกว่าๆ ประมาณ 3 โมงกว่าๆ ผมคุยกับลูกครั้งสุดท้าย เขาพูดประมาณว่า พ่อครับ สตางค์หมดแล้ว ดังจากตู้โทรศัพท์สาธารณะก็หมดไป แค่นั้นเอง

กำลังโหลดความคิดเห็น