xs
xsm
sm
md
lg

ขสมก.หน้าแตก อี-ทิคเก็ต พ่นพิษ ซูเอี๋ย ช.ทวี ตบตานายกฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” โกลาหลไม่สมราคาคุย บรรยากาศใช้บัตรผู้มีรายได้น้อยขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อย่างทุลักทุเล เอกชนผู้รับสัมปทานติดตั้งเครื่อง อี-ทิคเก็ต ยังไม่สามารถติดตั้งได้ครบ และไม่สามารถให้บริการได้ เนื่องจากระบบเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบส่วนกลางของธนาคารกรุงไทย และ กรมบัญชีกลาง ได้ ขสมก. ซูเอี๋ยเอกชน แก้ผ้าเอาหน้ารอด ออกคูปองแทนเพื่อคิดเงินย้อนหลังเรียกเก็บจากเอกชน แถมเอาเครื่องโมบายโฟนที่อยู่นอกเหนือทีโออาร์มาเรียกเก็บเงินจากบัตรสวัสดิการแทน จี้ตรวจสอบผิดกฎหมายหรือไม่?

บ่ายวานนี้ (1 พ.ย.) นายวีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ ขสมก. ว่าจ้างบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จํากัด (มหาชน) ซึ่งชนะการประมูลประกวดราคาในการติดตั้งระบบ E-Ticket อุปกรณ์ควบรถโดยสารประจำทาง ปรากฏว่า
จากการตรวจสอบการดำเนินการต่างๆ ของบริษัทฯไม่เป็นไปตามสัญญา กล่าวคือ

ประการที่ 1 เงื่อนไขสัญญาที่บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จํากัด (มหาชน) ได้ทำข้อตกลงกับองค์การภายในวันที่ 13 ตุลาคม 2560 จะต้องติดตั้งระบบ E-Ticket ให้แล้วเสร็จสามารถนำมาใช้งานบริการประชาชน จำนวน 100 คัน ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ใช้งานได้เพียง 57 คัน จากการตรวจสอบโดยอุปกรณ์ควบรถ และเครื่องอ่านบัตรไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ประชาชน และพนักงานเก็บเกิดความสับสน

ประการที่ 2 เมื่อมีการทำสัญญาบริษัทฯ ได้มีการติดตั้งระบบ E-Ticket ถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ติดตั้งได้ประมาณ 190 คัน แต่ไม่สามารถใช้งานได้ และทยอยติดตั้งจนครบจำนวน 800 คัน ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2560 บริษัทได้นำบัตรจอดรถเป็นคูปองให้พนักงาน พกส. ฉีกหางบัตรจอดรถแทนเครื่องอ่านบัตร และมีการใช้ Mobile Phone ควบคู่กันไป แต่ก็ไม่สามารถใช้งานได้

ประการที่ 3 ระบบไม่สามารถใช้งานได้เกิดปัญหาในการตรวจสอบจำนวนผู้โดยสารขึ้น จะเกิดปัญหาในการคำนวณ หรือคิดค่าตอบแทนให้กับพนักงานประจำรถ และรายได้ค่าโดยสารขององค์การ เนื่องจากข้อมูลจำนวนผู้โดยสารไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ บริษัท ช.ทวี จะต้องรับผิดชอบปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นและไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 รถที่ติดตั้งระบบ E-Ticket จะต้องพร้อมให้บริการประชาชน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ให้เป็นไปตามสัญญา

ประการที่ 4 TOR ที่กำหนดไว้หากมีปัญหาอุปกรณ์ระบบ E-Ticket เกิดขัดข้องไม่สามารถใช้งานได้ บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จํากัด (มหาชน) จะต้องนำช่างมาแก้ไขภายใน 2 ชั่วโมง แต่มีการแก้ไขสัญญาเดิมให้เป็น 3 ชั่วโมง ซึ่งขัดกับ TOR ที่กำหนดไว้ หากไม่มีการดำเนินการใดๆ อาจทำให้องค์การเกิดความเสียหาย หรืออาจมองได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทฯ คู่สัญญา หากบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จํากัด (มหาชน) ไม่สามารถจัดส่งมอบอุปกรณ์ติดตั้งในระบบ E-Ticket ให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดองค์การฯ เห็นควรบอกเลิกสัญญา

สหภาพแรงงานฯ เห็นควรให้ นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ดสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบสัญญาต่างๆ และการดำเนินการของ บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จํากัด (มหาชน) และเร่งรัดให้บริษัทฯ ดำเนินการปฏิบัติตามสัญญาและ TOR ที่กำหนด หากไม่มีความพร้อมและสามารถติดตั้งระบบ E-Ticket ตามเวลาที่กำหนด เห็นควรให้บอกเลิกสัญญา และให้บริษัทฯ อื่นที่มีความพร้อมความชำนาญเข้ามาดำเนินการ เพื่อมิให้องค์การได้รับความเสียหาย และในองค์การถือปฏิบัติ ตามสัญญาอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์การ

ขณะที่ นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. มีบันทึกข้อความ รายงานผลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของประชาชนในการโดยสารรถประจำทาง ขสมก. ถึงรัฐมนตรีการกระทรวงคมนาคม โดยรายงานถึงปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของ ขสมก. ว่า บริษัท ช.ทวี ไม่สามารถติดตั้งระบบ E-Ticket ให้สมบูรณ์พร้อมใช้งานให้แล้วเสร็จตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ อาทิ การวางระบบสายไฟในภายในรถโดยสาร เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับระบบส่วนกลางรวมถึงการนำโมบายโฟนมาใช้ทดแทนระบบ E-Ticket ที่ยังติดตั้งไม่แล้วเสร็จ ซึ่งพบว่าเกิดปัญหาระหว่างการสแกนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระบบประมวลมีความล่าช้าใช้เวลาประมาณ 5 นาที/คน และบริษัทฯไม่สามารถนำส่งสติกเกอร์สำหรับติดรถบริเวณกระจกด้านหน้ารถให้เป็นจุดสังเกตของผู้ใช้บัตร โดยในเบื้องต้น องค์การได้แก้ปัญหาโดยการนำบัตรคูปองมอบให้กับผู้ถือบัตรฯแทนการใช้สิทธิ์ในกรณีที่ระบบ E-Ticket และโมบายโฟนขัดข้อง ไม่สามารถอ่านบัตรได้ โดยมูลค่าเงินในบัตรฯ จะไม่ถูกหักชำระค่าโดยสาร แต่ยังคงมีจำนวนเงินเท่าเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ ขสมก. ยินยอมให้บริษัท ช.ทวี นำเครื่องโมบายโฟน มาใช้อ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่สามารถเชื่อมโยงกับระบบส่วนกลางของธนาคารกรุงไทย และกรมบัญชีกลางได้นั้น ถือเป็นการผิดข้อตกลงและอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะอุปกรณืดังกล่าวไม่ได้มีอยู่ในทีโออาร์ การนำอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านคณะกรรมการกำหนดคุณสมบัติ หรือ ทีโออาร์ ที่สำคัญเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเงินๆ ทองๆ ของรัฐ จะผิดกฎหมายหรือไม่? รวมทั้งการที่ ขสมก. แก่ผ้าเอาหน้ารอดโดยการนำคูปองที่ไม่มีที่มาที่ไปไร้มาตรฐาน อาจเป็นช่องโหว่อาจก่อให้เกิดการทุจริตได้หรือไม่? และการที่ ขสมก. จะโยนให้บริษัท ช.ทวี รับผิดชอบจ่ายค่าโดยสารโดยนับจากยอดคูปองนั้นทำได้หรือไม่? และทำไม ช.ทวี ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเมื่อค่าโดยสารที่หักออกจากประชาชนผู้ถือบัตร รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้รับชำระ เหตุการณ์ความโกลาหลจากกรณี การเปิดใช้ระบบ อี-ทิคเก็ต นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นมา ไม่เหมือนกับวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา วันที่ ขสมก. ควงแขนตัวแทนบริษัท ช.ทวี ไปโชว์ถึงความพร้อมและให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทดลองใช้ที่ทำเนียบรัฐบาล


กำลังโหลดความคิดเห็น