xs
xsm
sm
md
lg

ซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศครั้งที่สอง เป็นไปอย่างราบรื่น (ประมวลภาพชุด 2)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมฝึกซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพื้นที่จริง งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพื้นที่จริงเป็นครั้งแรก เป็นไปอย่างราบรื่น

วันนี้ (15 ต.ค.) ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง คณะกรรมการอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้จัดการซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 และเป็นการซ้อมในพื้นที่จริงเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งเป็นการซ้อมริ้วขบวนที่ 1 - 3 จากทั้งหมด 6 ริ้วขบวน โดยมีคณะรัฐมนตรี นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ และกำลังพลจากกรมสรรพวุธ และกองทัพภาคที่ 1 จำนวนกว่า 3,000 นาย และ มีราชนิกูล ข้าราชบริพาร และผู้ถวายงานเข้าร่วมในการซ้อมในครั้งนี้ด้วย

โดยบรรยากาศการซ้อมย่อยครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งตั้งแต่เวลา 05.00 น. ที่เจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูจุดคัดกรองทั้ง 9 จุด ประกอบด้วย บริเวณแยกสะพานมอญ ท่าช้าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ถนนกัลยาณไมตรี แยกสะพานช้างโรงสี แยกวัดพระเชตุพนฯ ท่าพระจันทร์ และใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า มีประชาชนเป็นจำนวนมากต่างสวมใส่ชุดดำสีสุภาพผ่านจุดคัดกรองเพื่อมาชมความงดงามสมพระเกียรติของริ้วขบวนและร่วมกันถวายความจงรักภักดี โดยคณะกรรมการอำนวยการร่วม ได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาชมการซ้อมริ้วขบวนตั้งแต่ถนนมหาราชตั้งแต่แยกท่าช้าง - ท่าเตียน บริเวณหน้าศาลหลักเมืองไปจนถึงฝั่งตรงข้ามมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

การซ้อมริ้วขบวนที่ 1 เริ่มขึ้นในเวลา 07.00 น. เจ้าพนักงานเปลื้องพระลองออกจากพระโกศทองใหญ่
แล้วอัญเชิญพระลองลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เทียบที่เกยลา จากนั้นเจ้าพนักงานได้ประกอบพระโกศทองใหญ่ แล้วประดิษฐานบนพระยานมาศสามลำคาน ซึ่งเป็นยานที่มีคานหามขนาดใหญ่ทำด้วยไม้จำหลักลวดลายลงรักปิดทอง มีพนักโดยรอบ 3 ด้าน และมีคานหาม 3 คาน

ต่อมาเวลา 07.59 น. ได้อัญเชิญพระบรมโกศ ออกทางทางประตูสรีสุนทร ซึ่งเป็นประตูชั้นในและประตูเทวาภิรมย์ เพื่อตั้งริ้วขบวนบนถนนมหาราช โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ประคองพระบรมโกศออกมาทางประตูสรีสุนทร และประตูเทวาภิรมย์ เมื่อพระบรมโกศถึงยังถนนมหาราชแล้วเจ้าพนักงานอัญเชิญพระมหาเศวตฉัตรกางกั้นพระบรมโกศ ต่อมา ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ขึ้นไปประคองพระบรมโกศบนพระยานมาศสามลำคาน จากนั้นเมื่อเจ้าพนักงานรัวกลับเป็นสัญญาณครบ 3 ครั้วแล้ว วงมโหรทึกเริ่มบรรเลง

เวลา 08.10 น. ริ้วขบวนที่ 1 จึงเริ่มเคลื่อนตามสัญญาณกลองโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเดินตามหลังพระบรมโกศทองใหญ่ โดยริ้วขบวนเคลื่อนไปตามถนนมหาราช เลี้ยวเข้าสู่ถนนท้ายวัง มุ่งไปยังถนนสนามไชย โดยริ้วขบวนที่ 1 หลักๆ จะประกอบด้วย เสลี่ยงพระนำทหารกองเกียรติยศ เครื่องราชอิสริยยศ ทหารม้านำ 2 ม้า ทหารม้าตาม 4 ม้า ข้าราชบริพาร และในเวลา 08.40 น. ริ้วขบวนที่ 1 ได้มารวมกับริ้วขบวนที่ 2 ซึ่งตั้งรออยู่บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

จากนั้นเวลา 09.24 น. ริ้วขบวนพระมหาพิชัยราชรถ และราชรถพระนำ เริ่มเคลื่อน โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินหลังพระมหาพิชัยราชรถ และ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้อัญเชิญเครื่องทองน้อย และข้าราชบริพารในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้อัญเชิญเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค และสมาชิกราชสกุลประกอบด้วยหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวงตามลำดับโดยในริ้วขบวนนี้มี หม่อมเจ้าเพียง 4 พระองค์เท่านั้น คือ พล.ท.ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล, ร.อ.ม.จ.นวพรรษ์ ยุคล, ม.จ.หญิง ศรีสว่างวงศ์ ยุคล (บุญจิตราดุลย์) และ ม.จ. หญิง นภดลเฉลิมศรี ยุคล นอกนั้นเป็น หม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ตามลำดับ ตามหลังพระมหาพิชัยราชรถ ด้วยเช่นกัน

โดยมี พล.ต.อเนก กล่อมจิตร เป็นผู้กำกับพระมหาพิชัยราชรถ และ พ.อ.พสิษฐ์ ภูวัตณัฐสิทธิ เป็นผู้ควบคุมฉุดลากราชรถ และ พ.ท.สวรจน์ สุภเวชย์ เป็นผู้ควบคุมฉุดชักหลัง ซึ่งริ้วขบวนนี้จะมีความงดงามมากที่สุด เนื่องจากใช้ผู้ร่วมขบวนมากกว่า 4,000 คน และจะใช้จังหวะการเดินแบบเดินเปลี่ยนเท้า ประกอบ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี นำหน้าพระมหาพิชัยราชรถ

โดยริ้วขบวนจะเคลื่อนไปบนถนนสนามไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ผ่านหน้ากระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง และศาลฎีกา เข้าสู่ท้องสนามหลวง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที























กำลังโหลดความคิดเห็น