xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรเนืองแน่นไม่เกรงสภาพอากาศ ตั้งมั่น 5 วันสุดท้าย ต้องได้สักการะพระบรมศพในหลวง ร.๙ สักครั้งหนึ่งในชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางสาวชนิดา ตันจ้อย อายุ 37 ปี พนักงานโรงเรียนวัดดอกพิกุล จังหวัดนครนายก
ประชาชนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ช่วง 5 วันสุดท้ายก่อนปิดให้ขึ้นกราบถวายบังคมพระบรมศพ ไม่หวั่นแม้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

วันนี้ (1 ต.ค.) นับเป็นวันที่ 333 ของการเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเหลือเวลาอีกเพียง 5 วันเท่านั้น ที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ จะมีโอกาสได้กราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จึงทำให้มีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก จนทำให้จุดท้ายยาวไปเกือบถึงสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง หลายคนใช้เวลารอนานถึงข้ามวันข้ามคืน แต่หัวใจทุกดวงต่างก็มิได้หวั่นเกรงต่อปัจจัยทางธรรมชาติที่เข้ามาทดสอบหัวใจแห่งความจงรักภักดี ทั้งฝน ที่โหมกระหน่ำ และแสงแดดอันแรงกล้ารวมถึงยุงที่คอยมากัดกินเลือดในช่วงดึก แต่สิ่งเหล่านี้นั้นล้วนกลายเป็นพลัง และความมุ่งมั่นที่จะต้องได้ขึ้นไปกราบลาพ่อหลวงพระราชาผู้เป็นที่รักยิ่งให้ได้สักครึ่งหนึ่งในชีวิต

ด้าน นางสาวชนิดา ตันจ้อย อายุ 37 ปี พนักงานโรงเรียนวัดดอกพิกุล จังหวัดนครนายก ซึ่งเดินทางมากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก เข้ามาต่อคิวตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน ก่อนได้เข้าสักการะในเวลาเกือบเที่ยงวัน กล่าวว่า ตั้งใจไว้ว่าอยากมากราบพระบรมศพสักครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีเวลา จนกระทั่งวันนี้คิดว่าหากไม่มาคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เมื่อได้ขึ้นไปกราบก็รู้สึกตื้นตันใจ ทั้งประทับใจ เนื่องจากไม่เคยเห็นการรวมใจของคนไทยเพื่อทำอะไรโดยพร้อมเพรียงกันเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะรอนานก็คุ้มค่า เพราะนี่คือครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผ่านมา ติดตามพระราชกรณียกิจของในหลวง รัชกาลที่ ๙ อยู่เสมอ โดยเฉพาะพระบรมราโชวาทเรื่องการปิดทองหลังพระ ที่ขอเพียงแค่ให้ได้ทำดีก็พอ ไม่จำเป็นต้องมีคนเห็นก็ไม่เป็นไร ซึ่งก็ได้น้อมนำมาปรับใช้อยู่เสมอ คิดว่าหากมีแต่คนทำงานเบื้องหน้าไม่มีคนทำงานเบื้องหลัง งานก็คงไม่สำเร็จได้














กำลังโหลดความคิดเห็น