xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรทั่วสารทิศยังคงเดินทางมาพระบรมมหาราชวัง สักการะพระบรมศพ “รัชกาลที่ ๙” อย่างเนืองแน่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งใน กทม.และจากต่างจังหวัด เดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

วันนี้ (31 พ.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 210 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

นางสุพรรณี เวชสุนทร ข้าราชการบำนาญ วัย 70 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังที่สักการะพระบรมศพฯ ว่ามาเป็นครั้งที่ 8 แล้ว โดยตั้งใจว่าจะมากราบสักการะพระบรมศพให้ได้เดือนละครั้งจนกว่าจะถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และทุกครั้งที่ได้กราบสักการะพระบรมศพล้วนเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ ตื้นตันใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจไม่คิดว่าพระองค์จะเสด็จสวรรคตจากพวกเราชาวไทยไปจริงๆ แต่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ก็จะยังคงสถิตในใจพวกเราชาวไทยตลอดไป

“ในชีวิตนี้ของป้าเคยมีโอกาสใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพียง 2 ครั้ง คือครั้งแรกเมื่อตอนที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระองค์ ตอนนั้นก็ตื่นเต้นและภูมิใจมาก และการมากราบสักการะพระบรมศพ ก็เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน จำได้ว่าตอนเป็นเด็กที่โรงเรียนจะจัดให้มาชมภาพยนตร์ส่วนพระองค์อยู่เป็นประจำ จึงทำให้เราเห็นภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ ทำให้เรารู้ว่าพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดีเหมือนอย่างทุกวันนี้ พระองค์ทรงทำให้ประเทศไทยมีน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ทำให้ท้องถิ่นทุรกันดารมีถนนหนทางมีความสะดวกสบาย ทุกวันนี้ป้าก็ได้น้อมนำหลักคำสอนเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต โดยแบ่งพื้นที่ในบ้านปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ อย่างใบกะเพรา โหระพา ผักชี เป็นต้น เพราะจะได้ไม่ต้องไปซื้อผักมากิน เมื่อถึงเวลาจะทำกับข้าวก็ไปเด็ดผักที่ปลูกไว้มาทำกับข้าว ปลอดภัยและประหยัดเงินอีกด้วย และเป็นการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้อย่างดี”

ส่วน น.ส.ดาราวรรณ จอมเกาะ อายุ 24 ปี ผู้ช่วยวิจัย แผนกการศึกษาและวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา กล่าวภายหลังร่วมสักการะพระบรมศพฯ ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาสักการะพระบรมศพ พระบรมโกศเหลืองอร่าม สวยงามยิ่งกว่าในหน้าจอโทรทัศน์เสียอีก แม้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคตไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จวนถึงเวลาเข้าสู่พระราชพิธีถวายเพลิงศพของท่านแล้ว ทั้งนี้ สิ่งที่ตนได้ประทับใจในตัวท่านมาโดยตลอด คือ การเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ โดยการให้นั้นไม่ได้คำนึงว่าตนเองจะได้สิ่งใดตอบแทนกลับมา โดยเฉพาะปวงชนชาวไทยที่ท่านทรงสละพระวรกายของท่านเพื่อให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “ส่วนสิ่งที่นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเรา คือ ความพอประมาณ เมื่อก่อนก็ไม่คิดว่าจะนำมาใช้จริง อาจเป็นแค่เพียงทฤษฎีอย่างเดียว แต่เมื่อเข้าสู่สังคมที่เริ่มมีตัวเงินเข้าเกี่ยวเนื่อง การแข่งขันที่สูงขึ้น ความพอประมาณ อันหมายถึงการรู้จักประมาณตน การบริโภคพอประมาณ รู้จักกิน รู้จักใช้ การใช้จ่าย ทรัพย์ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป ใช้จ่ายด้วยปัญญาพอเหมาะสมแก่ฐานะรายได้ของตนเอง แนวคิดนี้ก็ใช้ได้ผลจริง ทำให้ทุกวันนี้ดิฉันใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข” น.ส.ดาราวรรณกล่าว

ด้านนายอาณัติ อาภาภิรมย์ ประธานกรรมการฝ่ายจัดการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เผยถึงความรู้สึกหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพฯ ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชน รวมถึงบริษัทเล็ก และบริษัทใหญ่มากมาย สำหรับบีทีเอสทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท และสายสีลมว่า “รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2542 นอกจากนี้ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ยังทรงสนพระทัยเรื่องการคมนาคมและการจราจรของประเทศ ผู้บริหารและพนักงานบีทีเอสทุกคนจึงปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลในการแก้ปัญหาจราจรให้กับประเทศ “วันนี้ที่ได้มาบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบรมศพ ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ตอบแทนพระคุณพระองค์ รู้สึกยินดีและโชคดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสในครั้งนี้ แนวพระราชดำริที่เห็นได้ชัดที่สุดและน้อมนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตของตัวเอง คือ “เศรษฐกิจพอเพียง” ตามที่ทฤษฎีที่นักวิชาการค้นคว้าความพอเพียงต้องประกอบด้วย 3 หลัก คือ “ความพอประมาณ” ไม่ว่าจะลุงทุนหรือใช้จ่ายให้มีความพอเพียง “มีเหตุผล” และ “มีแผนป้องกันยามฉุกเฉิน” ซึ่งเป็นหลักการที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้แก่ชีวิต”

นายอาณัติกล่าวอีกว่า ตัวเองเกิดมามีชีวิตอยู่เต็มรัชกาลตลอด 70 ปี เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงงานหนักมาตลอด ทุกคนที่ได้เกิดมาในรัชสมัยของท่านไม่ว่าเป็นคนธรรมดาหรือข้าราชการ ล้วนแต่เป็นคนโชคดี เพราะจะหาพระมหากษัตริย์ที่ทำเพื่อประชาชนอย่างท่านนั้นค่อนข้างยาก ดังนั้น เราคนไทยควรเห็นท่านทรงเป็นแบบอย่างทั้งในเรื่องการทำงาน การดำเนินชีวิต และความมุ่งมั่น ที่สำคัญต้องสนับสนุนคนดี เพราะการทำให้ทุกคนเป็นคนดีนั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องพยายามไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ ทุกคนถึงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข



















กำลังโหลดความคิดเห็น