xs
xsm
sm
md
lg

ปชช.ทั่วสารทิศเดินทางมารอเข้ากราบพระบรมศพรัชกาลที่ ๙ อย่างไม่ขาดสาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศเดินทางมาต่อแถวรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างไม่ขาดสายแต่ช่วงเช้ามืด

วันนี้ (2 มี.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 120 ตลอดทั้งวัน ยังมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศของประเทศไทย เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ อย่างไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

นางสาวนฤมล แซ่เจ็ง วัย 65 ปี ข้าราชการบำนาญ พักอยู่ย่านบางกรวย กรุงเทพฯ กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากที่สักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ว่า มาสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 61 แล้ว แต่ความรู้สึกหลังจากที่ได้ก้มกราบพระบรมศพนั้นไม่ได้ต่างกันคือ มีแต่ความตื้นตันใจ ปลาบปลื้ม ทุกครั้งที่พนมสองมือแล้วก้มลงกราบน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเหตุผลที่มาบ่อยขนาดนี้เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดพ่อหลวงให้มากที่สุด อยากมีโอกาสได้กราบพระองค์ทุกวัน ที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานหนักทุกวันอย่างไม่มีวันหยุด ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยทุกคนอยู่ดีกินดี ดังนั้นตนในฐานะที่เป็นอดีตข้าราชการเป็นข้าในพระองค์ การมากราบสักการะพระบรมศพก็ถือเป็นการถวายความจงรักภักดี และเป็นการถวายความกตัญญู ต่อในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระราชาผู้ทรงธรรมในหัวใจพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ

“เมื่อหลายสิบปีมาแล้วเคยมีโอกาสมารับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในวัดพระแก้ว ตอนนั้นท่านเสด็จฯ มาเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต ครั้งนั้นมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น คือ เราพาแม่ที่ป่วยกระเซาะกระแซะไปด้วย พอหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรง ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จประพรหมน้ำมนต์ให้แก่ประชาชนที่นั่งรายล้อมอยู่รอบพระอุโบสถ แม่ที่กำลังป่วยพอได้รับน้ำมนต์จากในหลวงเท่านั้น ก็ทำให้แม่หายป่วยไม่ต้องไปพบหมออยู่ 3 เดือน และประทับใจหลักคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทั้งหมดเลย แต่ที่ประทับใจที่สุด คือ เรื่องความพอเพียงที่สอนให้คนไทยใช้ชีวิตอยู่บนความพอดี ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง เพราะทุกวันนี้เราก็ยึดหลักคำสอนเรื่องความพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ฟุ่มเฟือย มีเท่าไรก็ใช้เท่านั้น” น.ส.นฤมล กล่าว

นางสาวสุรีย์พร กิจหรารักษ์ อายุ 55 ปี เดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ พร้อมกับเพื่อนร่วมงาน 5 คน กล่าวว่า ตัวเองเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 แม้ว่าตอนที่ขึ้นไปอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพจะยังไม่ทันได้บอกอะไรพระองค์ท่าน แต่ก็ประทับใจในความที่ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน อีกทั้งตัวเองยังได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาปรับใช้กับตัวเองเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องความประหยัด มัธยัสถ์ และการทุ่มเทในการทำงาน หลายครั้งที่รู้สึกท้อก็จะนึกถึงพระองค์ท่านก็จะมีกำลังใจในการทำงานต่อไป

ด้านครอบครัว ชมภูศรี ประกอบด้วย นายชัยภาส นางภัทริยา และ นางสาวอภิศรา เดินทางมาเป็นครั้งแรกจากบ้านพักย่านลาดกระบังตั้งแต่ 08.00 น. โดยหัวหน้าครอบครัว เผยว่า ประทับใจพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาก พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชน วันนี้จึงตั้งใจชวนภรรยาและลูกสาวมากราบลาพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมาผูกพันกับพระองค์ท่านมาตั้งแต่เกิด และยังมีโอกาสได้รับเสด็จฯ เมื่อครั้งเสด็จฯ ไปตัดหวายลูกนิมิต ที่วัดสามง่าม จ.นครปฐม และที่ผ่านมายังได้นำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้เสมอ ที่เห็นชัดๆ ก็คือ การอยู่อย่างพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ทั้งยังส่งต่อคำสอนไปยังลูกสาวให้รู้จักและรักพระองค์ท่านด้วย

ปิดท้ายที่ นางภาพรศิลป์ ศิริวิโรจน์สกุล อายุ 62 ปี ชาวบางบอน เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 40 พร้อมเพื่อน เผยความรู้สึกว่า แต่เดิมตั้งใจว่าจะเข้ากราบสักการะพระบรมศพจำนวน 9 ครั้ง แต่เมื่อมาครบ 9 ครั้งแล้ว ยังรู้สึกปลื้มปีติอยากมากราบสักการะพระบรมศพให้มากที่สุดเท่าที่มีโอกาส ส่วนตัวรู้สึกปลาบปลื้มพระองค์ท่านทุกเรื่อง ยิ่งมีโอกาสได้ชมนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวง ทำให้ทราบถึงพระราชกรณียกิจนานัปการของพระองค์ยิ่งปลื้มปิติและตื้นตันเป็นที่สุด แต่หากกล่าวถึงความประทับใจเป็นพิเศษคือเมื่อปี 2512 ประเทศไทยเผชิญกับความแห้งแล้งมากที่สุด ตนซึ่งยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่กาฬสินธุ์ต้องเอาน้ำหยอดลงหลุมข้าวทีละนิด เมื่อพระองค์ทราบถึงความเดือดร้อนของราษฎร ทรงพระเมตตาพระราชทานฝนหลวงบรรเทาความทุกข์

“เคยมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งรับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณ เนื่องในโอกาสบริการอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลที่ จ.อำนาจเจริญ รู้สึกภูมิใจและตื่นเต้นมาก จนต้องบอกกับแพทย์พยาบาลที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จด้วยกันว่าถ้าเป็นลมไปให้เข้ามาช่วยด้วยนะ นอกจากนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอจึงพยายามทำความดีทุกครั้งที่มีโอกาส ตั้งแต่พระองค์เสด็จสวรรคตก็ได้ร่วมเป็นอาสาสมัครทำข้าวพอเพียง และดอกไม้จันทน์สำหรับใช้ในงานพระบรมศพ ส่วนการน้อมนำคำสอนพระองค์มาใช้ พยายามสอนลูกหลานให้ความดีตามเบื้องพระยุคลบาทของพ่อหลวงให้มากที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่าความดีที่ทำนั้นเป็นอะไรทำให้มากที่สุดก็พอ” นางภาพรศิลป์ กล่าวพร้อมน้ำตาแห่งความอาลัย














กำลังโหลดความคิดเห็น