xs
xsm
sm
md
lg

ไทยจับมือเยอรมนี เปลี่ยนผ่านพลังงาน ขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไทย,เยอรมนี ร่วมมือขับเคลื่อนพลังงานสะอาด เพื่ออนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน ตามนโยบาย BCG

สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจําประเทศไทย ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของ
เยอรมัน (GIZ) เปิดงาน “พลังงานสะอาดขับเคลื่อนอนาคต” ที่สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ โดยมีนายเกออร์ก ชมิดท์
เอกอัครราชทูตเยอรมันประจําประเทศไทย นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และดร. พูลพัฒน์ ลีสมบัติ
ไพบูลย์ผู้อํานวยการกองการต่างประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ให้เกียรติเป็นประธาน

งานนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนําเสนอการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการคมนาคมขนส่งของโลกและประเทศไทยจาก
ปัจจุบันไปสู่อนาคตที่จะมีการนําเอาเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ต้นทุนลดลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับพลังงานสีเขียวและการคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน

ภายในงานยังมีการแสดงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของประเทศไทยและเยอรมนีผ่านนิทรรศการและกิจกรรมร่วมสนุก

นายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจําประเทศไทย กล่าวในพิธีเปิดว่า “Less is more ในที่นี้ หมายถึง ลด
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้มากขึ้น และเราจะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ
ระบบนิเวศและมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร นิทรรศการนี้มีคําตอบ

โดยนิทรรศการนี้ ให้แนวคิดและแนวทางปฏิบัติเพื่อเสริมสร้าง
อนาคตที่ดี มั่งคั่งและยั่งยืน เราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้"

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมตระหนักถึงความสําคัญของนวัตกรรม
สมัยใหม่ที่จะนําไปสู่การเปลี่ยนแปลงในภาคการขนส่ง ทางกระทรวงฯ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและการพัฒนาเทคโนโลยี
การขนส่งที่ยั่งยืน สะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากภาคการขนส่งมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 2 ของ
ประเทศ ซึ่งมาจากการขนส่งทางถนนเป็นหลัก

ประเทศไทยจึงจัดทําแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
โดยมีมาตรการต่างๆ เพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบ
ขนส่งสาธารณะ และยังสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่มีสาเหตุมากจากการจราจรติดขัดในเขตเมือง

ปัจจุบันองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กําลังวางแผนจัดหารถเมล์ไฟฟ้า 2,511 คัน หลังจากที่แผนฟื้นฟูกิจการ
ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีผมเชื่อว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้คนกรุงเทพฯ จะได้ใช้รถเมล์ไฟฟ้า

นอกจากนี้กรมการ
ขนส่งทางบกยังได้ร่วมรณรงค์การลดมลภาวะทางอากาศโดยการลดภาษีรถยนต์ประจําปีสําหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้การใช้งาน
ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแพร่หลายดังเช่นประเทศต่างๆ ในยุโรป

อีกหนึ่งโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการขนส่งในเมือง คือ การเปิดใช้งานสถานีกลางบางซื่อในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2564
นี้ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิดเมืองอัจฉริยะ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้นโยบาย Thailand
4.0

โดยสถานีกลางบางซื่อ เป็นตัวแทนของศูนย์กลางของระบบการขนส่งทางรางของประเทศไทย ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
อาเซียน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 600,000 คนต่อวัน มากกว่าสถานีหัวลําโพงถึง 10 เท่า และยังเป็นจุดศูนย์กลางการ
เชื่อมต่อระบบการขนส่งทางรางที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิดอนเมือง และอู่ตะเภา เมื่อ
แล้วเสร็จจะมีระยะทางรวม 220 กิโลเมตร และเป็นจุดตั้งต้นของรถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย เส้นทาง กรุงเทพ-หนองคาย
ซึ่งกําลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตร

ในอนาคต สถานีกลางบางซื่อจะกลายเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ
แห่งใหม่และเป็นจุดเชื่อมต่อหลักของระบบการขนส่งมวลชนทางรางของกรุงเทพมหานคร และในขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่
ระหว่างการศึกษาโครงการรถไฟทางไกลซึ่งจะมีการเปลี่ยนจากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานไฮโดรเจน และการใช้
แบตเตอรี่ไฟฟ้า

โครงการทั้งหมดนี้เป็นการดําเนินการภายใต้แผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม คือ 1. การขนส่งที่ปลอดภัย
และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2. การขนส่งที่มี่ประสิทธิภาพ 3. การเข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม

ดร. พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ ผู้อํานวยการกองการต่างประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เพื่อสร้าง
แนวทางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทย กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างจัดทํา “แผนพลังงานแห่งชาติ” โดย
คํานึงถึงแนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างภาคพลังงานของประเทศให้มีความมั่นคงและสร้าง
ความสามารถในการแข่งขันเพื่ออนาคตทางพลังงานที่ยั่งยืน

แผนพลังงานแห่งชาตินี้ จะกําหนดอนาคตพลังงานของประเทศ
และเปลี่ยนภาคพลังงานให้สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พลังงานหมุนเวียนและ
นวัตกรรมด้านพลังงานจะเป็นกุญแจสําคัญในการจัดทําแผนพลังงานแห่งชาติเพื่อขับเคลื่อนทิศทางนโยบายพลังงานให้ประเทศ
ไทยสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงาน รวมถึงการสร้างสังคมคาร์บอนตํ่าด้วยการดําเนินนโยบายที่ยั่งยืน
ในระยะยาว”

นอกจากนี้ ในปีพ.ศ. 2565 ประเทศไทย จะเป็นประธานและเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปก ซึ่งจัดขึ้นภายใต้
แนวคิดหลัก คือ “โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว” (Bio-Circular-Green Economy Model หรือ
BCG) โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความรู้ความสามารถ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อนําทรัพยากรด้านพลังงานของประเทศมา
ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ภายใต้แนวคิด BCG ดังกล่าว

ภาคพลังงาน ถือเป็นหนึ่งในส่วนสําคัญที่ช่วยพลิกโฉม
ประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและมีนวัตกรรมต่อไป

ภายในงาน ยังมีเวทีเสวนาหัวข้อ “A move towards a smarter future” ซึ่งมีนายวรรณสิงห์ประเสริฐกุล นักผลิตสาร
คดีและผู้ก่อตั้งช่อง “เถื่อน Channel” นายธนัย โพธิสัตย์ผู้ก่อตั้ง ReCharge โครงการเพื่อสังคม และแอนโทนี่ ปิยชนม์ เด็ก
นักเรียนจากจังหวัดเชียงราย ผู้เสนอโครงการดักจับคาร์บอนในอากาศแปลงเป็นออกซิเจน เสนออีลอน มัสก์มาบอกเล่าเรื่องราว
และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานหรือการคมนาคมให้ดีขึ้น

นิทรรศการ “พลังงานสะอาดขับเคลื่อนอนาคต” จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 12 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.00 - 22.00 น.
ที่ลานกิจกรรมชั้น 3 สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ

นิทรรศการนี้ เป็นนิทรรศการสัญจรที่จัดขึ้นโดยสํานักงานต่างประเทศของรัฐบาลเยอรมนีร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่าง
ประเทศของเยอรมัน (GIZ) ซึ่งสถานที่ต่อไปจะจัดที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โดยจะนําเสนอ
การดําเนินงานด้านพลังงานและการคมนาคมสีเขียวของจังหวัด ระหว่างวันที่ 23 - 27 มีนาคม พ.ศ. 2564














กำลังโหลดความคิดเห็น