xs
xsm
sm
md
lg

พณ.หนุน“หอยเป๋าฮื้อภูเก็ต”ใช้สิทธิ์FTAบุกตลาดจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่ภูเก็ต คุยผู้ผลิตหอยเป๋าฮื้อ ทึ่ง! ในศักยภาพและมาตรฐานการผลิต หนุนใช้ข้อได้เปรียบด้านภาษีจาก FTA ลุยตลาดจีน พร้อมนำทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผลิตผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ใช้นวัตกรรมพัฒนาศักยภาพสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ สร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจฐานราก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 9 มีนาคม 2564 ได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าไทยและใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) โดยได้เข้าพบผู้บริหารบริษัท ภูเก็ต เป๋าฮื้อ ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตหอยเป๋าฮื้อ และพบว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ ซึ่งหากใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เช่น การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ เครื่องสำอางบำรุงฟื้นฟูผิว และคอลลาเจนสกัดเย็นจากหอยเป๋าฮื้อพร้อมดื่มผสมน้ำผลไม้ จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตลาดพรีเมียม และยังสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี ซึ่งเป็นจุดแข็งให้กับสินค้าประมงไทยในการขยายตลาดไปต่างประเทศ

นางอรมน กล่าวว่า “หอยเป๋าฮื้อ”ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่น่าจับตา มีมูลค่าทางการตลาดสูง เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวฮ่องกง จีน และญี่ปุ่น โดยนำเข้าในรูปแบบอาหารสดแช่แข็ง และอาหารกระป๋องและแปรรูป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการของไทยสามารถเพาะเลี้ยงหอยชนิดนี้ในเชิงพาณิชย์ได้ และได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดี เนื้อเยอะ และเปลือกน้อยจึงช่วยลดการนำเข้าและทำให้ไทยส่งออกไปต่างประเทศได้ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และไม่เก็บภาษีนำเข้าหอยเป๋าฮื้อสด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูปจากไทย

ปัจจุบันประเทศคู่ FTA ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประมง รวมทั้งหอยเป๋าฮื้อสด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูปจากไทยแล้ว ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังคงเก็บภาษีประมงบางรายการจากไทย รวมทั้งหอยเป๋าฮื้อที่ 5 - 16% และอินเดียที่ยังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประมงบางรายการจากไทย


นอกจากนี้ กรมฯ ได้จัดสัมมนาให้ความรู้กับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกร “พรชนก” ผู้ผลิตผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ต่อยอดจากการลงพื้นที่เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกอบการและชุมชนในจังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาขาดรายได้จากการท่องเที่ยว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ 5 ชุมชนในตำบลกะรน จึงรวมตัวกันผลิตผ้ามัดย้อมจากวัตถุดิบธรรมชาติในท้องถิ่น สร้างแบรนด์ “ภูษาเล” หรือ “ผ้าจากทะเล” เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนทดแทนรายได้จากการท่องเที่ยว

การสัมมนาครั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการ “ผ้ามัดย้อม”ได้เรียนรู้แนวทางและเทคนิคการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะสามารถพัฒนาและยกระดับสินค้าผ้ามัดย้อมท้องถิ่นจากวัตถุดิบธรรมชาติให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ และมีรูปแบบที่น่าสนใจ โดยเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ กรมฯ จะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ให้มีความเข้มแข็ง และสามารถสร้างความมั่นคงจากเศรษฐกิจฐานราก


ทั้งนี้ ในปี 2563 ไทย เป็นผู้ส่งออกสินค้าประมงอันดับที่ 13 ของโลก มูลค่า 1,567.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ,ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา อาเซียน และเกาหลีใต้

สำหรับสินค้า “หอยเป๋าฮื้อ” ไทย ส่งออกมูลค่า 4,788 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกสินค้าประเภทเป๋าฮื้อปรุงแต่ง ตลาดหลัก คือ เกาหลีใต้




กำลังโหลดความคิดเห็น