เงินเฟ้อไทยเดือนแรกของปีนี้ ยังติดลบ 0.34% ผลจากโควิดรอบใหม่ ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย คาดหวังการมีวัคซีน และมาตรการเยียวยา กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะทำให้เงินเฟ้อทั้งปี บวก 1.2%
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือ สนค. รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) หรือ อัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคม 2564 ติดลบ 0.34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.09% จากเดือนธันวาคม 2563 ผลจากราคาพลังงานที่ยังต่ำกว่าปีก่อน และมาตรการปรับลดค่าไฟฟ้า ซึ่งมีผลในการคำนวณเงินเฟ้ออยู่ในสัดส่วนที่สูง
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนมกราคม2564 เพิ่มขึ้น 0.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบกับธัวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 0.03%
นาง พิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์ ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า สถานการณ์โควิด ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัฐที่กระทบการจับใช้จ่ายของประชาชน แต่เชื่อว่า การมีวัคซีน,มาตรการต่างๆของภาครัฐ ทั้ง “คนละครึ่ง”, “เราชนะ” “เรารักกัน” ที่ทยอยออกมา รวมทั้งการลงทุนโครงการต่างๆ จะกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งผลให้เงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวดีขึ้น และทำให้เงินเฟ้อทั้งปี 2564 เป็นไปตามเป้า เคลื่อนไหวในกรอบ 0.7 ถึง 1.7 % โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 1.2% บนสมมุติฐานจีดีพีไทยปีนี้ ขยายตัว 3.5-4.5%
นางพิมพ์ชนก กล่าวว่า เดือนมกราคม 2564 สนค.ได้ปรับไปใช้ปีฐานของปี 2562 นำมาคำนวณอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปีฐานเดียวกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นปีที่สำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนภาวะค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ชัดเจนมากขึ้น
สนค. ยังรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือนมกราคม 2564 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43.2 จากระดับ 46.3 ในเดือนธันวาคม 2563 ลดลงทั้งความเชื่อมั่นในปัจจุบันและในอนาคต จากความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ขยายตัวรวดเร็ว ,มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่ารอบแรก และแม้การแพร่ระบาด ยังไม่คลี่คลาย แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ยังดำเนินการได้ เพียงแต่ต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบที่มีอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม จะส่งผลดีต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในระยะต่อไป
