เลขาธิการคณะก้าวหน้า เตือนสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ห้ามเขียนล็อคแก้หมวด 1 หมวด 2 ยกกรณีรัฐธรรมนูญ 2560 ยังแก้ไขได้
มีการคำเตือนล่วงหน้ามาจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะกรรมาธิการ หรือ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทั้งมติของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างเห็นตรงกันว่าจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพื่อมาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งเหลือเพียงการไปถกเถียงกันว่า ส.ส.ร. จะมีจำนวนเท่าไหร่ มีที่มาอย่างไร
ทั้งนี้ ตนเองมีข้อสังเกตว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเขียนว่าห้ามแก้หมวด 1 และหมวด 2 โดยเหตุผลว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างไรก็มีกรอบอยู่แล้วว่า การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญห้ามกระทบกระเทือนต่อรูปของรัฐ และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดังนั้น ใครที่กังวลใจว่าจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตนคิดว่าไม่ต้องกังวลใจ เพราะการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเกินกรอบเพดานนี้ไม่ได้ และที่ผ่านมาในอดีตหมวด 1 และหมวด 2 ถูกแก้ไขบ่อยครั้ง อย่างรัฐธรรมนูญปี 2560 หมวด 1 และหมวด 2 ก็ถูกแก้ไขเหมือนกัน
โดยตอนนี้สังคมกำลังเข้าใจผิดว่าหากไปบอกว่าห้ามแก้ หรือบอกว่าไม่ได้ล็อคเอาไว้ว่าห้ามแก้หมวด 1 หมวด 2 จะเท่ากับการแก้หมวด 1 หมวด 2 ซึ่งไม่จริง เพราะใครจะแก้หมวด 1 หมวด 2 อยู่ที่ ส.ส.ร. ตรงกันข้ามถ้าไปล็อคไว้ว่าห้ามแก้หมวด 1 หมวด 2 แต่เกิดกรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้จริงๆ แล้วแก้ไม่ได้ คราวนี้จะเกิดวิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญขึ้นมาอีก จึงไม่อยากให้ปิดล็อคจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม มองว่า การมี ส.ส.ร. ยังไม่เพียงพอเพราะเราไม่ทราบว่าใช้เวลาในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้นานเท่าไหร่ จะกินเวลากี่ปี หรือผ่านวาระ 3 แต่ไม่ผ่านประชามติก็ได้ จึงเห็นกันว่าในระหว่างนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้คิดสืบทอดอำนาจอีกแล้ว กลับสู่ระบบปกติตนขอเสนอให้ยกเลิกสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. 250 คน ตามบทเฉพาะกาล คือมาตรา 269-272 และเมื่อยกเลิกตรงนี้ไปวันข้างหน้าพล.อ.ประยุทธ์ ประคับประคองบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ และผ่าทางตันด้วยการยุบสภา อย่างน้อยเมื่อยุบสภาแล้วไปเลือกตั้งใหม่ก็มีนัยยะสำคัญ เพราะไม่มี ส.ว.ที่สืบทอดอำนาจแล้ว