นายอนุทิน ชาญวีรกุล ไม่พอใจสภาพัฒน์ ตัดงบ อสม. เตรียมหารือ ครม.เพื่อผลักดันให้ครบ 19 เดือน ตามกรอบที่กำหนด
ที่อาคารกีฬานิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 พรรคภูมิใจไทย ว่า จากกระแสข่าวที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เตรียมตัดงบค่าตอบแทนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม. จำนวน 500 บาท จาก 19 เดือน เหลือเพียง 6 เดือน นั้น เราตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ขึ้นมาตั้งแต่เดือน มีนาคม 2563 ประกาศให้ไวรัสโควิด-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรง และมีพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการจัดสรรงบมา 45,000 ล้านบาท และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทุกฝ่ายได้หารือกันอย่างละเอียดเรียบร้อยรอบคอบแล้วว่าควรจะต้องตอบแทนความเสี่ยงของพี่น้อง อสม. ที่ช่วยให้ประเทศไทยปลอดภัยจากโควิด-19 มาถึงทุกวันนี้ และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ที่ถือว่าเป็นผลงานที่สำคัญของ อสม.ทั่วประเทศ และขอยืนยันว่าการจัดวงเงินตอบแทน อสม. ก็อยู่ในวงเงิน 45,000 ล้านบาท ไม่ได้ขอเงินเกินงบประมาณ
ดังนั้น ตนจึงไม่เห็นด้วยที่จะมีการปรับลดงบที่จะให้ อสม. เพราะเขาเป็นผู้เสี่ยงภัย และเป็นผู้ที่ทำให้สถานการณ์สงบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เราจะลืมกลุ่มบุคคลที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้อย่างไร
ทั้งนี้ การพิจารณาของหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสุขภาพของพี่น้องประชาชน และตัดสินใจมาแบบนี้ ผมก็ต้องใช้สิทธิ์ ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผมยังมีความเชื่อว่ายังมีเพื่อนใน ครม. มีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล หรือแม้ กระทั่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะช่วยกันปกป้อง และดูแลเรื่องเงินตอบแทน อสม. ให้มากที่สุด ขณะที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ที่ประกอบด้วยฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ก็สนับสนุนตามแนวทางนี้ ดังนั้น คนที่จะมาตัดจะมายุ่งอะไร รู้ได้ยังไงว่าให้แค่นี้พอแล้ว รู้หรือไม่ว่าเขาทำงานหนักแค่ไหน รู้หรือไม่ว่า อสม.เสียชีวิตไปกี่คน เจ็บป่วยไปกี่คน เขาพิการไปกี่คน เพราะฉะนั้นคนที่ทำหน้างาน กับคนที่ประชุมอยู่เฉยๆ มันคนละบัญชีกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะต้องทำความเข้าใจกับสภาพัฒน์ฯ นายอนุทิน กล่าวว่า ในเมื่อสภาพัฒน์ฯ เสนอมาอย่างนี้แล้ว ก็จะต้องคุยกันใน ครม.เพราะงบประมาณทั้งหมดจะต้องผ่าน ครม. และตนเองก็ต้องปกป้องเต็มที่ และต้องนำเสนอเข้า ครม.เพื่อให้ทุกคนได้ทราบเหตุผล อย่าเอางบของ อสม.ไปเทียบกับค่า ตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพราะเป็นเรื่องของคนละกระทรวงและคนละภารกิจ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นตนก็ต้องถามกลับว่า ทำไมไม่เอากำนันและผู้ใหญ่บ้าน มาทำหน้าที่ อสม. ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีการพิจารณาให้ค่าตอบแทนเสี่ยงภัย อสม. จำนวน 7 เดือน แต่ตนยืนยันจะพยายามผลักดันให้ได้ 19 เดือน ตามกรอบระยะเวลาของ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่เริ่มต้นตั้งแต่ เดือน มี.ค.63 - ก.ย. 64 ซึ่งอะไรมีปัญหาก็แก้ไปไม่ควรไปตัดสิทธิ์ของประชาชน