ประธานนปช. “จตุพร พรหมพันธุ์" เตือนม็อบเยาวชนนักศึกษาอย่าก้าวล่วงสถาบัน หวั่นกลายเป็นจุดอ่อน ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต พร้อมแนะนายกฯ ควรประกาศระยะเวลาที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนยุบสภาเป็นทางออกยุติปัญหา
ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวถึงการชุมนุมของนิสิตนักศึกษา ว่า การออกมาชุมนุมครั้งนี้มีนิสิตนักศึกษาออกมาชุมนุมมากกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และพฤษาทมิฬ 35 เพราะทั้งสองเหตุการณ์มีประชาชนออกมาสมทบจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมต้องยึดข้อเรียกร้อง 3 ข้ออย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย ห้ามคุกคามบุคคล ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้มีการยุบรัฐสภา ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่รับฟังได้
ทั้งนี้ มีความเป็นห่วงว่าการชุมนุมต้องไม่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะทำให้จุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน ที่สำคัญจะนำพาไปสู่การสูญเสียจำนวนมาก โดยช่วงการชุมนุมของ นปช.ปี 2553 ก็ถูกกล่าวหาว่าล้มล้างสถาบัน ก่อการร้าย และเผาบ้านเผาเมือง ส่วนเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ภาพก็อธิบายชัดเจนว่าเดินอย่างไรได้ผลลัพธ์อย่างไร ยุคสมัยใดก็เป็นยุคสมัยนั้น ที่เตือนไม่ได้ให้หวาดกลัว เพราะเชื่อว่านักศึกษาก็ไม่ได้กลัว แต่ห่วงว่าการต่อสู้อย่างไรจะได้ผลลัพธ์เช่นนั้น
ขณะเดียวกัน ถ้ายึดมั่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ไม่ล่วงละเมิดสถาบัน จะได้แนวร่วมจากประชาชนจำนวนมาก แต่ถ้าก้าวล่วงสถาบันจุดจบจะไม่ต่างกัน ต้องตั้งสติและยึดมั่นว่าประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น ใครก็ตามที่ยุยงสนับสนุนให้ทำนอกเหนือไปจากข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เพราะเขารู้แล้วว่าปลายทางจะเกิดความรุนแรง ความชอบธรรมทั้งหมดจะหายไป แต่ถ้ายึดหลัก 3 ข้อจะเป็นจุดแข็งที่สุดในการเคลื่อนไหวของนักศึกษา
อย่างไรก็ตาม เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควรเป็นผู้ที่ลงมารับฟังความคิดเห็นจากนักศึกษามากที่สุด เพราะข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา เกี่ยวข้องกับนายกฯ โดยตรง ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องห้ามคุกคามบุคคลเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว เรื่องนี้จะจบลงอย่างสง่างาม ด้วยการเปิดเวทีให้นักศึกษาได้เสนอเงื่อนไขทั้ง 3 คน และนายกฯประกาศระยะเวลาที่ชัดเจนในการ เมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จก็ประกาศยุบสภา สิ่งนี้จะเป็นทางออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ นายจตุพร เดินทางมารัฐสภาเพื่อให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมาธิการ หรือ กมธ. ศึกษาการปฏิรูป ทบทวน และแก้ไขปรับปรุงกฏหมาย ที่มีนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เป็นประธานอนุ กมธ. ในหัวข้อเรื่องลดความเกลียดชัง โดยจะมีการหารือรับฟังความเห็นเรื่องลดความเกลียดชัง แต่ยังไม่มีการพูดเรื่องการตรากฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้าย เพื่อสรุปความเห็นส่งให้คณะกรรมาธิการชุดใหญ่ สภาฯ และรัฐบาล ต่อไป