สมาคมแบงก์,ตลท.ขานรับ“งดปันผลระหว่างกาล”ช่วงวิกฤติ

สมาคมธนาคารไทย และตลาดหลักทรัพย์ สนับสนุนมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ขอให้ธนาคารพาณิชย์ “งดจ่ายปันผลระหว่างกาล และ งดซื้อหุ้นคืน” เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูง เพียงพอที่จะรองรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่ขอให้ธนาคารต่างๆ งดจ่าย “เงินปันผลระหว่างกาล” และ “งดซื้อหุ้นคืน” ว่า แม้จะกระทบผู้ถือหุ้นของแต่ละธนาคารในช่วงสั้นๆ แต่จะเป็นผลดีสำหรับผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ในระยะยาว เป็นผลดีต่อผู้ฝากเงิน และเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม เพราะจะช่วยให้ระบบสถาบันการเงินไทยเข้มแข็ง รักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง และมีกันชน ที่จะรองรับความไม่แน่นอน ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก

แถลงการณ์ ระบุว่า การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทย ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ และจะจบอย่างไร ดังนั้นการรักษาภูมิคุ้มกันให้กับระบบเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่น้อยกว่าการรักษาภูมิคุ้มกัน ให้กับสุขภาพของคนไทยแต่ละคน

การกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และแนวทางบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวังในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยเข้มแข็ง โดย ณ สิ้นไตรมาสแรก ปี 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio)ของระบบธนาคารไทยอยู่ที่ 18.7% ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์สามารถออกมาตรการดูแล เยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้หลากหลายมาตรการ

แต่ในอนาคต ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง จึงไม่ควร “การ์ดตก”ควรจะรักษาระดับเงินกองทุน หรือ“กันชน” ของธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นการขอให้ธนาคารพาณิชย์ งดจ่าย“เงินปันผลระหว่างกาล” และ“งดซื้อหุ้นคืน” เป็นมาตรการเพื่อไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ “การ์ดตก”ให้รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งต่อเนื่อง จนกว่าจะจัดทำแผนบริหารจัดการเงินกองทุนใหม่ได้ชัดเจนขึ้น

ด้านนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย สนับสนุนมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่มองว่า ธนาคารพาณิชย์ ควรให้น้ำหนักกับการสะสมทุนให้เข้มแข็ง เพื่อรองรับปัจจัยเสี่ยงในภาวะวิกฤติระดับโลก

ทางด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานว่า มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นการส่งเสริมให้สถาบันการเงินไทยเข้มแข็ง และส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว เพราะการที่ธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนเพียงพอ ทำให้มีสภาพคล่องในการดำเนินงาน หลังสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติและเศรษฐกิจ เดินหน้าเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อระบบธนาคารไทยให้มีความพร้อมรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งหากดูมาตรการต่างๆ ที่ออกมาในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จะเห็นได้ว่า หน่วยงานทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน ให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของระบบ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย