“คุณหญิงสุดารัตน์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” แถลง ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีรอยร้าว ยังทำงานกันด้วยความกลมเกลียว ส่วนกรณีมีบุคคลเตรียมตั้งพรรคใหม่ ถือเป็นทางออกทางการเมือง เหตุรัฐธรรมนูญและกติกาที่บิดเบี้ยว
วันนี้ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อชี้แจงกรณีความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย โดยนายสมพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการออกข่าวว่าพรรคเพื่อไทยขาดความสามัคคีนั้น ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีการแบ่งกันทำงาน ตนเองทำงานในสภา คุณหญิงสุดารัตน์ทำงานด้านยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งยืนยันว่าเราทำงานกลมเกลียวและเข้าใจกัน ประโยชน์สูงสุดตกกับพรรคเพื่อไทย อะไรที่เข้าใจผิดก็ขอให้เข้าใจกันด้วย ขอยืนยันว่า เราสองคนทำงานกันอย่างกลมเกลียวและจริงจัง แต่แน่นอนว่าการทำงานย่อมติดขัดกันบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่และแก้ไขได้ และตนทำงานประสานกับคุณหญิงสุดารัตน์ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม บางครั้งรัฐบาลอยู่ในภวังค์ที่โซเซ ย่อมมีบุคคลที่ต้องเตรียมตัวเรื่องตั้งพรรคใหม่แต่ทุกคนเป็นเพื่อนฝูงกันหารือกันตลอดเวลา ซึ่งการตั้งพรรคใหม่ ก็เพื่อให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อเข้าสภา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยยังอยู่กับพรรคตามเดิม เมื่อรัฐบาลกำลังเพลี้ยงพล้ำ ก็ต้องเตรียมตัวเท่านั้นเอง และพรรคอื่นๆ ก็ต้องเตรียมตัวเช่นกันอย่างเช่นพรรครัฐบาล ขอให้สบายใจกันได้
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเช่นกันว่า ข้อเท็จจริงคือ พรรคเพื่อไทยมีการทำงานอย่างกลมเกลียวกัน หารือกันและต่างคนทำงานอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้พรรคเพื่อไทยแข็งแรง เป็นที่พึ่งของประชาชนในยามที่ประชาชนท้อแท้ พรรคเพื่อไทยไม่มีเวลามาทะเลาะกัน เพราะทุกคนได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน และประชาชนคาดหวังเพื่อจะเข้ามาแก้ไขปัญหา ข่าวที่ออกมาทำให้พวกเราไม่สบายใจ เป็นแหล่งข่าวที่ออกมาทำลายความเชื่อมั่นต่อประชาชนและพรรคเพื่อไทย ส.ส. ทุกคนทำงานหนักในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้สภาจะปิด แต่เราก็ทำงานภายใต้นายสมพงษ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างเข้มแข็ง ดังนั้น เราไม่สบายใจกับข่าวที่เกิดขึ้น จึงอยากทำความเข้าใจกับทุกคน
ส่วนกรณีที่มี ส.ส.จะไปตั้งพรรคใหม่นั้น ก็เข้าใจดีว่ารัฐธรรมนูญออกแบบมาแบบนี้ โดยไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดังนั้น ผู้เป็นนักการเมืองและต้องการเข้าสภาจึงไปตั้งพรรคการเมือง ซึ่งต่างเป็นเรื่องดีทั้งนั้นเพราะยังอยู่กับซีกประชาธิปไตย เพราะเป็นความจำเป็นจากรัฐธรรมนูญและกติกาที่บิดเบี้ยวและเป็นที่เข้าใจกันดี
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวเสริมว่า ในฐานะเป็นประธานวิปฝ่ายค้านที่ต้องทำงานกับ ส.ส. ที่ผ่านมาทุกคนก็รับปฏิบัติและสัญญาณจากพรรคก็ชัดเจนในการสนับสนุนการทำงานกับเพื่อนส.ส.ได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีปัญหา โดยข่าวที่ปรากฎออกมานั้นขอความเป็นธรรมด้วยว่า ไม่เป็นความจริง หากมาจากบุคคลที่มีเจตนาทำให้เกิดเรื่องก็ขอว่าอย่าทำอย่างนั้นอีก
ทั้งนี้ มองว่า การตั้งพรรคเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่การไปตั้งพรรคนั้นมีการเสนอข่าวที่ทำให้พรรคเดิมเสียหาย ซึ่งคิดว่าไม่มีเจตนาเหล่านั้น ตนยังมั่นใจว่าเราที่ยังอยู่และสมาชิกที่ไปก็ยังทำงานร่วมกันในอนาคตอีกยาว เพราะยังอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน ทั้งหมดเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่มีการสื่อสารผิดพลาด ทำให้ ส.ส.โดยเฉพาะ ส.ส. ภาคอีสานได้รับความทุกข์มากที่สุด ดังนั้น การยืนยัน ถึงความเป็นเอกภาพของพรรคได้ดีที่สุด คือ การทำงานในสภาที่ผ่านมา เช่น การอภิปรายเงินกู้ ซึ่งเราภูมิใจว่า ส.ส. ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ทำงานได้เป็นอย่างดี ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เป็นอย่างนี้ ก็เชื่อว่ายังอยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่เมื่อรัฐธรรมนูญไม่มีทางแก้ได้จึงต้องมีการหาที่ยืน และเชื่อว่ายังจับมือทำงานได้กันเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทางผู้สื่อข่าวได้ขอให้คุณหญิงสุดารัตน์ และ นายสมพงษ์จับมือถ่ายภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ลักษณ์ของความร่วมมือ แต่ทั้งสองปฏิเสธที่จะจับมือกันเพราะมองว่าการจับมือกันเป็นการยืนยันว่าพรรคมีความแตกแยก
