“สมคิด” ระดมสมองสร้างฐานรากเข้มแข็ง สู้โควิด

รองนายกฯ สมคิด ระบุรัฐบาล จะพิจารณาให้รอบด้าน ก่อนปลดล็อกเปิดธุรกิจ หวั่นเกิดระบาดรอบใหม่ พร้อมหารือภาคเอกชน เตรียมโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เน้นสร้างความเข้มแข็งฐานราก โดยใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท เริ่มเดือนมิถุนายนนี้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจ และภาคเอกชน หารือมาตรการเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19

นายสมคิด บอกว่า ปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด -19 ในไทยดีขึ้น แต่ยังประมาทไม่ได้

ยังต้องใช้มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น ส่วนการเปิดสถานประกอบการและผ่อนปรนธุรกิจประเภทต่างๆ รัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของสุขภาพประชาชนเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันภาครัฐ จะเดินหน้าเร่งรัดการใช้จ่ายอย่างเต็มที่ และขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศใ ห้ผ่านพ้นช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า ช่วยกันประคองให้ผ่านปีนี้ไปให้ได้

นายสมคิด บอกว่า รัฐบาล จะมีมาตรการชุดใหญ่ออกมาอีก ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ต่อเนื่องจากมาตการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน โดยมาตรการรอบใหม่ จะเน้นสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy) ใช้เงินจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งได้จัดสรรสำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ วงเงิน 4 แสนล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บอกว่า ที่ประชุมร่วมวันนี้ เห็นตรงกันว่า ขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป ทุกประเทศเน้นปกป้องอุตสาหกรรมตัวเอง ดังนั้นประเทศไทย จะใช้โอกาสนี้ หันมาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น หลังจากที่ภาคส่งออก ,ภาคการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. บอกว่า ภาคเอกชน เรียกร้องข้อเสนอเดิม ให้รัฐบาลดูแลกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งด้านสภาพคล่อง,การเงิน ,ภาษี เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการรายย่อย ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บอกว่า การสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก จะให้ความสำคัญกับการเกษตรที่มูลค่าสูง ,การพัฒนาสู่อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป แปลงเป็นสินค้ากลุ่มอาหาร เพื่อใช้บริโภคในประเทศและส่งออกได้ด้วย รวมทั้งต้องใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าซึ่งขณะนี้ภาคเอกชน ให้การส่งเสริมอยู่บ้างแล้ว

ที่ประชุมร่วมระหว่างทีมเศรษฐกิจรัฐบาล และ ภาคเอกชนในวันนี้ ยังหารือเกียวกับการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จะปล่อยกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์และให้ธนาคารพาณิชย์ ไปปล่อยกู้ต่อให้ผู้ประกอบการ โดยนายสมคิด ได้กำชับกธนาคารแห่งประเทศไทย ให้กระจายสินเชื่อให้ทั่วถึง และผ่อนปรนเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อ ทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี และให้พิจารณาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ประสบปัญหาด้วย เช่น ธุรกิจการบิน ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว