xs
xsm
sm
md
lg

KASSET ลั่นเบอร์ 1 ยาว ตั้งเป้าลูกค้าดิจิทัล 8 แสนราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยตั้งเป้ายึดเบอร์ 1 กองทุนรวม รุกเพิ่มลูกค้าช่องทางดิจิทัลเป็น 60% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมดในธุรกิจ และเพิ่มเป็น 8 แสนรายใน 5 ปี เผย AUM ปีจอช่วง 5 เดือนแรกโตแล้ว 2.5% ดันยอดแตะ 1.34 ล้านล้านบาท กองทุนรวมมากสุด 1.02 ล้านล้านบาท กองสำรองเลี้ยงชีพ 1.95 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันตั้งขุนศึกใหม่ “สุรเดช” รุกประสานงานขยายฐานลูกค้าแบงก์ พร้อมเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้แก่นักลงทุนมากขึ้น

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมา 5 เดือนบริษัทมีอัตราเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 2.5% อยู่ที่ 1.34 ล้านล้านบาท โดยแยกเป็นรายธุรกิจในส่วนกองทุนรวมอยู่ที่ 1.02 ล้านล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 1.95 แสนล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 1.25 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดจำแนกตามธุรกิจอยู่ที่ 20.3%, 17.6% และ13.9% ตามลำดับ

ส่วนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทจะเน้นการรักษาการเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจกองทุนรวม ควบคู่ไปกับการเป็นผู้ให้คำแนะนำการลงทุนผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ล่าสุดของแอปพลิเคชันกองทุนรวม (K-My Funds) พร้อมด้วยแอปพลิเคชันกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (K-My PVD) โดยเน้นการนำนวัตกรรมเข้ามาบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของลูกค้าให้ดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมแบบเฉพาะเจาะจงกับรายบุคคล

นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าการขยายฐานลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางดิจิตอลในปี 2561 เพิ่มขึ้นอีกเป็น 60% ของจำนวนลูกค้ากองทุนรวมทั้งหมดในอุตสาหกรรม และคาดว่าภายในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 80% ของจำนวนลูกค้ากองทุนรวมทั้งหมด หรือคิดเป้าหมายเป็นลูกค้ากองทุนรวมที่ลงทุนผ่านช่องทางดิจิทัล 800,000 ราย จากลูกค้ากองทุนรวมทั้งหมดที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านราย

“เรามีลูกค้าในช่องทางดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับ 1 และเราจะพยายามใช้นวัตกรรมการวิเคราะห์ข้อมูลจากบิ๊กดาต้าเข้ามาในการตัดสินใจลงทุน และสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง พร้อมยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่เต็มศักยภาพให้กับผู้ลงทุนทุกรายมากขึ้น หลังจากเราพบว่าในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาผู้ลงทุนค่อยๆ ลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และหันมาเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของลูกค้ากองทุนรวมในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.9% ซึ่งถ้าลูกค้ามีการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสม จะสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ถึง 11.4%” นายวศินกล่าว

ด้านนายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนเข้ามารับหน้าที่ในการประสานงานกับธนาคารกสิกรไทยมากขึ้นเพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางนี้ เนื่องจากยังมีช่องว่างในการเพิ่มจำนวนนักลงทุนและแนะนำช่องทางการลงทุนเพิ่มเติมแก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะการลงทุนทางเลือกที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มผลตอบแทนนอกเหนือจากเงินฝาก

“เราอาจจะมีทางเลือกใหม่ๆ อย่างกองไพรเวตอิควิตี้ หรือกองทุนอินฟราสตรักเจอร์ รวมถึงกองทรัสต์ต่างๆ ที่น่าจะเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน นอกจากนี้ หากเราดูแนวโน้มการเติบโตของกองสำรองเลี้ยงชีพที่เราเป็นที่ 1 และมีสินทรัพย์รวมกว่า 1.9 แสนล้านบาท และในช่วง 5 เดือนปีนี้ยังโตกว่า 12% ทิ้งอันดับที่ 2 กว่า 6 หมื่นล้านบาทแล้ว มันสามารถบอกได้เลยว่าเรื่องตัวเลขที่เป็นเป้าให้ผมทำงานคงไม่ยาก ซึ่งจะเพิ่มได้มันต้องขึ้นอยู่กับความพอใจของนักลงทุนมากกว่า” นายสุรเดชกล่าว

นอกจากนี้แล้วบริษัทยังมีกองทุนคุณภาพที่อยากแนะนำให้แก่นักลงทุนเพราะเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดเรตติ้ง 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์รวมทั้งหมดถึง 10 กองทุน (Rating Overall, ข้อมูลจาก Morningstar® ณ วันที่ 31 พ.ค. 61) ยกตัวอย่างเช่น กองทุนในกลุ่ม K-PLAN ทั้ง 3 กองทุน กองทุน K-MIDSMALL กองทุน K-ENERGY รวมถึงกองทุน K-EUROPE กองทุน KEURMF กองทุน KACB และกองทุน KGF4 เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดมีผลงานที่ดีและถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้


กำลังโหลดความคิดเห็น