“วิทัย” ชูสวัสดิการมัดใจสมาชิก กบข. ชี้หุ้นผันผวน-ดอกเบี้ยจ่อขึ้น

“วิทัย” โชว์ภารกิจ 4 ปีนั่งเลขาฯ กบข.คนใหม่ เน้นอัดสิทธิพิเศษ-เพิ่มบริการทั้งส่วนลดดอกเบี้ย และการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน หวังมัดใจข้าราชการภูมิใจในการเป็นสมาชิก กบข. ตั้งเป้ายกระดับแปลงร่างเป็นองค์กรดิจิทัลเต็มรูปแบบ นำระบบบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของสมาชิกมากที่สุด พร้อมดูแลผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ ระบุปีหน้าการลงทุนเริ่มท้าทาย เหตุราคาหุ้นเริ่มแพง-แนวโน้มดอกเบี้ยจ่อขึ้นตามสหรัฐฯ แต่มั่นใจผลตอบแทนยังชนะเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนปีที่ผ่านมาผลงานแจ่มทำผลตอบแทนกว่า 6.4%

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เปิดเผยว่า แผนยุทธศาสตร์ที่ตนเองนำเสนอคณะกรรมการ กบข.ได้รับการอนุมัติแล้วหลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ประมาณ 1 เดือน โดยเป็นการเดินหน้าเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์และบริการแก่สมาชิกมากขึ้น และคาดว่าจะเห็นผลในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสามารถสร้างความภูมิใจให้สมาชิก กบข.ได้ภายใน 12 เดือนตามแผนงานที่ตั้งเป้าไว้

ส่วนการเข้ามาบริหารงานในช่วง 4 ปีต่อจากนี้จะเน้นภารกิจในการเพิ่มความผูกพันของสมาชิกกับกองทุนด้วยกลยุทธ์ 3 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วย 1. กลยุทธ์การเปลี่ยนสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Pension) เป็นการพลิกโฉมด้านเทคโนโลยีด้วยการนำเอาระบบดิจิทัลมาใช้บริหารจัดการองค์กรและให้บริการสมาชิกเต็มรูปแบบ เน้นการให้บริการสมาชิกผ่านโทรศัพท์มือถืออย่างครบวงจร นอกจากนั้น จะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลสมาชิก (Big Data) เพื่อยกระดับประสบการณ์ของสมาชิกจากการใช้บริการและสิทธิประโยชน์ที่ กบข.จัดเตรียมให้

2. กลยุทธ์การสื่อสารสมาชิกและสร้างการตระหนักรู้ด้านการวางแผนเกษียณ มุ่งเน้นใช้สื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสื่อสารหลัก เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ 3. กลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ที่ดีด้วยสวัสดิการและสิทธิพิเศษสมาชิก ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนโดยเร็ว

“ภารกิจของ กบข.คือการต้องเป็นหลักประกันในการจ่ายบำเหน็จบำนาญ ส่งเสริมการออม และจัดสวัสดิการรวมถึงสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิก ต่อจากนี้การที่ผมเข้ามาจะยึดสมาชิกเป็นศูนย์กลาง และเพิ่มความภาคภูมิใจของข้าราชการในการเป็นสมาชิกกองทุน โดยผ่านสิทธิประโยชน์และบริการต่างๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าการกู้บ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำ การให้คำปรึกษาทางการเงิน รวมถึงการใช้บริการร้านค้าต่างๆ ซึ่งจะนำระบบดิจิตอลออนไลน์มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ให้ตรงเป้าหมาย และจะมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ผ่านบิ๊กดาต้า คาดว่าทั้งหมดจะเริ่มทำได้ภายในสิ้นนี้ และต่อจากนี้อีก 12เดือนจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของสมาชิก” นายวิทัยกล่าว

นายวิทัยกล่าวอีกว่า ในด้านการลงทุน เชื่อว่าในปีหน้าจะมีความท้าทายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อราคาพันธบัตร รวมถึงการลงทุนในหุ้นที่น่าจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น หลังจากปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะเริ่มมีการปรับฐานอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ โดยปัจจุบัน กบข.มีสมาชิกประมาณ 1 ล้านคน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 860,783 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ 64% หุ้น 20% สินทพรัพย์ทางเลือกเกือบ 16% ซึ่งแบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 73% และลงทุนในต่างประเทศ 27%

สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมากองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 6.43% อัตราผลประโยชน์สุทธิระยะ 3 ปีอยู่ที่ 4.9% ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีผลประโยชน์สุทธิประมาณ 0.94%

“เราต้องรักษาผลตอบแทนให้ชนะเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ใช้แค่เงินเฟ้อ ซึ่งในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ท้าทาย และการที่เศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตที่ลดลง รวมถึงราคาสินทรัพย์เสี่ยงที่ค่อนข้างตึงตัวน่าจะส่งผลให้การลงทุนในหุ้นมีความผันผวน ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้คงจะต้องมีการปรับอายุการถือครองให้สั้นลง เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวขึ้นอีก โดยอัตราดอกเบี้ยของไทยน่าจะมีการปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า อย่างไรก็ตาม การลงทุนตราสารหนี้ของ กบข.ได้มีการปรับลดอายุการถือครองมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยอยู่แค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้นจึงไม่น่าส่งผลกระทบมากนัก ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้น่าจะทำได้น้อยกว่าปีที่แล้วแต่จะชนะเกณท์มาตรฐานที่ใช้ชี้วัดได้” นายวิทัยกล่าว