บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เผยกองทุนเปิดทั้ง 3 กองทุนในปีนี้มีผลการดำเนินงานที่ดีประสบความสำเร็จมาก ส่วนเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงปลายปีนี้ยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก แนะนำนักลงทุนลงทุนเฉพาะกลุ่มเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยเน้นลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสินทรัพย์ที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงสุดคือตลาดที่เกิดใหม่ หรือ Emerging Market มีอัตราการเติบโตถึง 14% ส่วนในตราสารหนี้นั้นกอง High Yield เติบโตถึงร้อยละ 17% ด้านภาพรวมสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก ทองคำเติบโตมากที่สุดอยู่ที่ 18.6% ภาพรวมที่กล่าวมาทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าในปี 2559 นี้ตลาดโลกมีความผันผวนสูงมาก ทิศทางการเจริญเติบโตในภูมิภาคเอเชีย อินเดียและจีนเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตสูงมาก โดยมีอัตราเติบโตถึง 7.6% และ 6.6% ตามลำดับ ส่วนในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดฯ, ฟิลิปปินส์ มีการขยายตัว 4.8% ทั้งนี้ สรุปได้ว่าเศรษฐกิจโลกนั้นจะเติบโตอย่างช้าๆ ทั้งในปีนี้ และปีหน้า
ด้านการลงทุน UOB มองว่าปัจจุบันกองทุนหลายๆ ที่ยังไม่มีความแน่นอน สิ่งที่เราลงทุนในอนาคตผลตอบแทนจะค่อยๆ ลดลง เช่น สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ทั้งเงินสด, พันธบัตรรัฐบาล โดยในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นและตราสารหนี้มีการลงทุนที่มากขึ้น ฉะนั้น การลงทุนต่อไปนี้ UOB มองว่าตลาดทุนโลกมีความผันผวนมาก จึงแนะนำให้ลงทุนเฉพาะกลุ่มเพื่อกระจายความเสี่ยง ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูงมากเนื่องจากรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนลงทุนในระยะสั้น โดยการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในเดือน ธ.ค.นี้มีผลกระทบต่อการลงทุนมาก ส่วนในตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนคือลงทุนเฉพาะกลุ่ม เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้น, หุ้นกู้ในสหรัฐฯ โดยล่าสุด บลจ.ยูโอบีได้ออกกองทุน UFIN-A เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกเพื่อนักลงทุนมีทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น
ส่วนของ บลจ.ยูโอบีนั้น ในปีนี้ได้ออกกองทุนทั้งหมด 3 กองทุนและประสบความสำเร็จมากทั้งหมด โดยกองทุนเปิด UIPPLUS ออกเดือน มี.ค. 59 ลงทุน 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินทรัพย์ 30,000 ล้านบาท กองที่ 2 คือ กองทุนเปิด UIF ออกเดือน ก.พ. 59 ลงทุน 300 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินทรัพย์ 8,000 ล้านบาท กองสุดท้ายกองล่าสุด คือ กองทุนเปิด UFIN ออกเดือน ส.ค. 59 ลงทุน 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินทรัพย์ประมาณ 4,000 ล้านบาท
