กระบะน้องใหม่ล่าสุดแห่งแวดวงยานยนต์ไทย เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ (MG Extender) เปิดตัวมาด้วยการประกาศว่าตัวเองเป็นรถกระบะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดเวลานี้ พร้อมกับการตั้งราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 549,000 บาท แม้จะไม่ถึงกับกระชากหัวใจเฉกเช่นการเปิดตัวรถรุ่นก่อนๆ แต่ถือว่าเป็นราคาที่มีแต้มต่อถูกกว่าคู่แข่งเมื่อเทียบกันแบบตัวต่อตัว ออพชันต่อออพชัน
ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไปและแผนธุรกิจของเอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ จะเป็นอย่างไรนั้น เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง สัมภาษณ์ “พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ปลุกปั้นกระบะน้องใหม่คันนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น
คิดอย่างไรถึงทำตลาดรถกระบะในไทย
ตลาดรถยนต์ในเมืองไทยครึ่งหนึ่งเป็นตลาดของรถกระบะ ดังนั้น ทางเอ็มจีซึ่งมีความตั้งใจในการบุกตลาดเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบ เราจึงต้องทำตลาดรถกระบะในไทย และเรามีรถในเครือพร้อมอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่ยากที่จะหยิบมาทำตลาด แต่สิ่งที่ยากคือ การแข่งขันในตลาด เนื่องจากเราเป็นผู้เล่นใหม่
ภาพรวมตลาดกระบะไทย
ภาพรวมอย่างที่กล่าวคือ การแข่งขันรุนแรงมาก ยอดขายปีละประมาณ 4-5แสนคัน ดังนั้นเราจึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและยังมีช่องว่างในการเข้าสู่ตลาดได้ ซึ่งเรามีการเตรียมการมากว่า 2 ปี ในการศึกษาและวางแผนรวมถึงพัฒนารถกระบะ เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยมากที่สุด
จุดเด่นของเอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ที่เหนือกว่าคู่แข่ง
ขนาดตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในตลาด ทั้งความยาว ความกว้างและความสูง กระบะท้ายใหญ่ที่สุดด้วยขนาด 1,900 มิลลิเมตร ส่วนเครื่องยนต์เป็นตัวใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจะเด่นในเรื่องของอัตราเร่งและการประหยัดน้ำมัน ขณะที่ออพชัน i-smart ถือว่าเป็นกระบะรุ่นแรกในไทยที่มีระบบนี้ ให้ผู้ขับสามารถสั่งการเป็นภาษาไทยได้และตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ อีกด้วย
ตั้งเป้าหมายการขายเท่าไหร่
ในช่วง 12 เดือนแรกหลังการเปิดตัว ตั้งเป้าไว้ที่ 20,000 คัน ซึ่งเราจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 สิงหาคม 2562 ในงาน BIG Motor Sale ที่ไบเทคบางนา พร้อมกับการลงโชว์รูมทั่วประเทศ โดยจะเริ่มต้นส่งมอบให้กับลูกค้าหลังจากจองแล้วได้ภายในใน 1 สัปดาห์
กลยุทธ์หลักในการทำตลาด
จะมุ่งเน้นที่ราคาสามารถแข่งขันได้ ด้วยหากเทียบกับแบบออพชันเท่าๆ กันในระดับเดียวกันจะเห็นว่า เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ มีราคาถูกกว่าคู่แข่งราว 10% รวมถึงการเน้นในเรื่องของศูนย์และการบริการหลังการขายให้มีความพร้อมสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า โดยช่วงแรกจะมีการตรวจรถ 1,000 กม.แรกให้ฟรี
จะทำตลาดหัวเดียวและพีพีวีหรือไม่
เนื่องจากสัดส่วนการขายปัจจุบันของตลาดกระบะ รถแบบหัวเดียวนั้นมีประมาณ 15% เท่านั้น ดังนั้นในขณะนี้ เราจึงขอตอบว่า ยังไม่มีแผนที่จะทำ รวมถึงตลาดรถพีพีวีด้วย โดยจะมีเพียงรุ่นแค็บและ 4 ประตู ส่วนในอนาคตจะมีออกมาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ดังนั้นเวลานี้ขอโฟกัสที่แบบแค็บและดับเบิลแค็บก่อน
ใช้น้ำมันดีเซลชนิด บี20 ได้หรือไม่
อยู่ในระหว่างการดำเนินการขอการรับรองอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ หากได้รับการรับรองเรียบร้อยแล้วจะมีการประกาศอีกครั้งหนึ่ง สามารถบอกได้เพียงเท่านี้