xs
xsm
sm
md
lg

Audi Q8 55TFSI สปอร์ต นุ่ม หนึบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หากคุณกำลังมองหาเอสยูวี สมรรถนะสูงในระดับท็อปคลาส หนึ่งในตัวเลือกที่เรียกว่าสดใหม่ของโลก อาวดี้ คิว8 (Audi Q8) ถือกำเนิดมา เพื่อตอบสนองสายสปอร์ตที่มีหัวใจรักครอบครัว กับการเข้ามาทำตลาดอย่างรวดเร็วในเมืองไทย คล้อยหลังจากการเปิดตัวในระดับโลกไม่นาน แสดงให้เห็นว่า อาวดี้ เอจี ให้ความสำคัญกับเมืองไทยไม่น้อยทีเดียว











สิ่งสำคัญของ อาวดี้ เวลานี้ คือ การดูแลลูกค้าทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ที่ต่างทยอยเข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการแห่งใหม่ ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ และหากมองทั่วทั้งเอเชีย โชว์รูมอาวดี้ของไทยเรานั้น เป็นรองแค่ประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งทางกลุ่มผู้บริหารหน้าใหม่ ภายใต้การนำของตระกูล “ล่ำซ่ำ” ทุ่มทุนกว่า 1,400 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์อาวดี้ให้เติบโตขึ้นมา ส่วน อาวดี้ คิว 8 พระเอกของเราในวันนี้ มีที่มาที่ไปน่าสนใจอย่างไร เชิญติดตามได้










เพื่อครอบครัวหัวใจสปอร์ต


อาวดี้ คิว 8 เปิดตัวตลาดโลกในช่วงกลางปี 2018 ถัดมาไม่กี่เดือน อาวดี้ ไทยแลนด์ เปิดตัวตามมาอย่างติดๆ แม้ว่าคันแรกจะเป็นพวงมาลัยซ้าย ก็ถือว่าเปิดตัวเรียบร้อย ส่วนรถพวงมาลัยขวาเริ่มทยอยส่งมอบตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งพื้นฐานของ คิว 8 หลายท่านน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่ามาจากรุ่น คิว7











อย่างไรก็ตาม บางท่านอาจจะไม่ทราบว่า แพลตฟอร์มนี้ ยังถูกนำไปใช้ร่วมกับรถในเครืออย่าง โฟล์คสวาเกน ทัวร์เรก, เบนท์ลีย์ เบนเทก้า, ปอร์เช่ คาเยนน์ และล่าสุดอย่าง ลัมโบกินี่ อูรุส ก็ใช้พื้นฐานเดียวกันทั้งหมด ดังนั้น ในเรื่องของโครงสร้างทางวิศวกรรม จึงมั่นใจได้ว่า เจ้าคิว 8 อยู่ในระดับหัวแถวอย่างไม่ต้องสงสัย สมกับการเป็นรถเรือธงของค่ายสี่ห่วงแห่งนี้












ความแตกต่างด้านตัวถังของ คิว 8 คือ การเป็นรถในรูปทรง Coupe SUV ที่มีคู่ต่อกรโดยตรงอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 6 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี คูเป้ เนื่องจากอาวดี้ ยังไม่มีรถในหมวดนี้ ดังนั้น คิว8 จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา แน่นอนว่า เมื่อมาทีหลังย่อมพกพาสิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นมาอย่างไม่ต้องสงสัย












หัวใจสำหรับการทำตลาดในเมืองไทยมีเพียงรุ่นเดียวคือ เครื่องยนต์แบบเบนซิน ไมลด์ ไฮบริด ขนาด 3.0 ลิตร V6 สูบ เทอร์โบ กำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร น้องๆ ซุปเปอร์คาร์เราดีๆ นี่เอง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.9 วินาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro














การตกแต่งภายใน ภาพรวมให้ความรู้สึกที่เป็นสปอร์ตอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับ คิว 7 ที่มาในสไตล์ผู้ใหญ่นักบริหาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน 3 จอใหญ่ ได้แก่ หน้าปัดแบบ Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่, หน้าจอ MMI ขนาด 10.1 นิ้ว แบบสัมผัส ให้การปรับเปลี่ยนแสดงผลต่างๆ เป็นเรื่องง่ายสะดวกสบาย และจอควบคุมมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัส ขนาด 8.6 นิ้ว ในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นต่างๆ


















เบาะนั่งหนังแท้ขนาดใหญ่รูปทรงสปอร์ต พร้อมการตัดเย็บด้วยลวดลายข้าวหลามตัด ฝีมือประณีตให้ความรู้สึกที่ดีงาม ส่วนเบาะหลังกว้างขวางมีพื้นที่เหลือเฟือ พร้อมที่วางแก้วน้ำตรงกึ่งกลางเบาะ พร้อมช่องปรับอากาศแยกส่วนซ้าย-ขวา พวงมาลัยทรงสปอร์ตท้ายตัด D Shape จับถนัดมือดี















นุ่มหนึบนิ่ง อุ่นใจยามค่ำมืด


แรกรับรถขับออกมา ดูภายนอกเหมือนไม่ใหญ่ แต่เมื่ออยู่บนถนนแล้วรู้สึกถึงความใหญ่และทัศนวิสัยที่ชัดเจนทุกมุมมอง อันเป็นข้อได้เปรียบของรถเอสยูวีประเภทนี้ แต่ไม่ต้องห่วงในเรื่องของการขับขี่การเลี้ยวโค้งนั้น ด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า ทำให้น้ำหนักเบามือ และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบ จึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด












ส่วนสิ่งที่ต้องห่วงคือ เมื่อใช้งานในเมืองแบบที่การจราจรหนาแน่นนั้น อัตราการบริโภคน้ำมันถือว่า หนักหน่วงมิใช่น้อย แม้จะมีระบบไฮบริดช่วย แต่ก็เป็นเพียง ไมลด์ไฮบริด เท่านั้น ซึ่งตัวเลขระบุ 3.3 กม./ลิตร กับระยะวิ่ง 19 กม. ในเวลา 90 นาที ถ้ายอมรับตัวเลขระดับนี้ได้ถือว่าไม่ใช่ปัญหา












การขับทางยาวๆ คือจุดเด่นที่สุดของ คิว 8 ความสนุกสนานและนุ่มนวล โดยเฉพาะเมื่อมีผู้โดยสารครบ 5 ตำแหน่ง กับการเดินทางระยะยาวกว่า 300 กม. ทุกคนไม่มีใครบ่น มีแต่เสียงชมว่า นั่งสบายดี แม้เราจะขับด้วยความเร็วบางช่วงบางตอนแตะถึง 140 กม./ชม. โดยส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม.











ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเดินทางสนุกแบบนี้ เราจัดทางยาวๆ อีกหนึ่งเซต เส้นทาง กทม.- เขาคิชกูฎ จังหวัดจันทบุรี แบบไปเช้า-กลับค่ำ ผู้โดยสาร 4 คน พร้อมสัมภาระพอดีๆ ท้ายรถ











การขับทางตรงยาว รถนิ่งควบคุมง่าย การเข้าโค้งเกาะถนนดีเยี่ยมต้องชื่นชมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ทำผลงานได้ไม่เสียชื่อ Quattro พร้อมกับช่วงล่างแบบถุงลม ที่สามารถดูดซับแรงสะเทือนได้เป็นอย่างดี มีเพียงเรื่องของเสียงยางบดถนนที่ดังเข้ามารบกวนบ้างเมื่อวิ่งด้วยความเร็วถือว่าปกติ













ความเร็วที่เราใช้ช่วงการขับนี้ ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 120 กม./ชม. บางช่วงที่ถนนว่าง เราลองทำความเร็วสูงระดับ 180 กม./ชม. ตัวรถยังคงนิ่ง เกาะถนน มั่นใจดี มีเรื่องของเสียงลมประทะที่เริ่มดังรบกวนเมื่อวิ่งเกินกว่า 140 กม./ชม. การเร่งแซงทำได้อย่างทันใจในทุกย่านความเร็ว กระชับกว่ารุ่นคิว 7 และช่วงล่างให้ความรู้สึกที่แข็งและมั่นคงกว่า พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกได้ 5 แบบ ตามแต่ใจชอบ ส่วนเราชอบโหมดสปอร์ตที่สุด










มาถึงช่วงของเส้นทางรอง ที่ถนนแคบและโค้งเยอะ บอกแบบไม่กลัวเสียฟอร์มว่า คิ ว8 เข้าได้อย่างมั่นใจทุกโค้ง และเมื่อมาเจอทางขรุขระแบบลูกรัง หรือดินแน่นๆ ความรู้สึกในเรื่องของการเกาะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ความมั่นใจยังคงเต็ม 100% ไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงน้ำหนักเบรกที่เรามั่นใจว่าเอาอยู่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะดิ้นหรือสไลด์ แน่นอนว่าด้วยล้อและยาง ขนาด 21 นิ้ว การดูดซับแรงสะเทือนในถนนแบบนี้ ย่อมทำได้ไม่เนียนเท่ากับถนนลาดยางหรือปูนซีเมนต์









ช่วงขากลับเป็นเวลาค่ำคืน แค่แสงไฟในห้องโดยสารที่ปรับเปลี่ยนได้ ให้อารมณ์การขับขี่ที่แตกต่างกัน นั่นว่าดีแล้ว แต่ยังมีทีเด็ดกว่านั้นคือ ระบบไฟสูงอัตโนมัติ ที่สามารถส่องสว่างสร้างความมั่นใจได้ตลอดการเดินทางโดยไม่รบกวนรถคันอื่นที่ร่วมเดินทางด้วยการจัดการลำแสงลดระดับปรับไปตามวัตถุที่ตรวจจับได้ เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่เยี่ยม








สุดท้ายแล้วเราขับเจ้าคิว 8 ไปเป็นระยะทางร่วม 1,400 กม. (รถขับสนุกก็อยากขับได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ) ตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยระบุบนหน้าปัด 6.6 กม./ลิตร กับการขับแบบเร่งอย่างต่อเนื่องและความเร็วส่วนใหญ่เกินกว่า 100 กม./ชม. บนพื้นฐานของรถขนาดใหญ่และขับเคลื่อนสี่ล้อแบบนี้ ถือว่าดีแล้ว
















เหมาะกับใคร


ครอบครัวขนาดกลาง ต้องการรถหรูทรงสมรรถนะในระดับท็อปคลาสแต่ไม่ต้องจ่ายถึงหลักสิบล้าน แค่เพียง 6,799,000 บาท ได้ความเป็นสปอร์ตแต่ยังรักครอบครัว ให้การเดินทางยาวๆ เป็นไปด้วยความสนุกสนาน มีความสุขทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร















กำลังโหลดความคิดเห็น