ผ่านมา 2 ปีแล้ว ในที่สุดฮอนด้า ก็เผยโฉมรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ HR-V ออกมาแล้ว กับการปรับปรุงที่เน้นหนักไปทางด้านหน้าด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้ากันชนหน้าและไฟหน้าใหม่หมด ขณะที่ห้องโดยสารไม่ได้ปรับเปลี่ยนในจุดหลักแต่เน้นหลักที่การเปลี่ยนวัสดุใหม่เพื่อให้สัมผัสแห่งความสดใหม่อีกระดับ และเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยฮอนด้า Sensing มาให้
HR-V เป็นซับคอมแพ็กต์เอสยูวีที่เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อปี 2016 โดยในญี่ปุ่นจะใช้ชื่อในการทำตลาดว่า Vezel ซึ่งถือเป็นคู่ปรับในกลุ่มเดียวกับโตโยต้า CH-R, นิสสัน Juke และ มาสด้า CX-3 โดยในการปรับโฉมครั้งนี้เชื่อว่าแฟนๆ ของ ฮอนด้า สามารถสัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน เพราะด้านหน้ามีการปรับปรุงใหม่หมด โดยเฉพาะกระจังหน้าแบบ Wing ที่ฮอนด้านำมาใช้กับรถยนต์หลายรุ่นตั้งแต่ Accord, Civic และ CR-V ขณะที่ด้านหลังมีการปรับไม่มากนัก ชนิดที่เรียกว่าแทบไม่สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างเท่าไร
ดังนั้นในเมื่อภายนอกเปลี่ยนไม่มาก ภายในยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่างกันแค่รายละเอียดของวัสดุในการตกแต่ง งานหลักจึงไปอยู่ที่การติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งใน HR-V ใหม่ที่เป็นเวอร์ชันอเมริกา ถือว่าจัดเต็ม เพราะมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอย่างฮอนด้า Sensing ที่แต่เดิมมีเฉพาะในรถยนต์รุ่นใหญ่ๆ มาสู่รถยนต์ขนาด B-Segment โดยจะมีการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นตั้งแต่ EX เป็นต้นไป ส่วนใครที่ซื้อรุ่นพื้นฐานอย่าง LX ก็อดกันไป ส่วนล้อแม็กในรุ่นท็อปก็จะขยับขึ้นเป็น 18 นิ้ว
สำหรับระบบฮอนด้า Sensing ที่ติดตั้งอยู่ใน HR-V นั้นก็มีทั้งระบบลดความเสียหายหากเกิดการชนทางด้านหน้า หรือ Collision Mitigation Braking System™ (CMBS™) ระบบควบคุมไม่ให้ตัวรถแล่นนอกช่องทาง Road Departure Mitigation (RDM) ระบบรักษาความเร็วแบบปรับระดับความเร็วอัตโนมัติ-Adaptive Cruise Control (ACC) และระบบแจ้งเตือนเมื่อรถแล่นออกนอกช่องทาง-Lane Keeping Assist (LKAS)
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดจะมีแบบเดียวคือ 4 สูบ 1,800 ซีซี i-VTEC ที่ยกมาจาก Civic มีกำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.5 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT แบบมี Dual Mode Paddle Shift ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย
สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบตัวแรงที่อยู่ใน Civic นั้นจะมีติดตั้งเฉพาะในรุ่นที่ขายในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งมีข่าวยืนยันออกมาแล้วว่า 2 ตลาดมีขายแน่ในชื่อ HR-V Sport และ Vezel Sport ตามลำดับ โดยจะไม่มีการปรับสเป็กพิ่มเติม เร้าใจด้วยความแรง 176 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 22.3 กก.-ม. ที่ 1,700-5,500 รอบ/นาที และทุกรุ่นมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแปรผันการทำงานตามสภาพเส้นทางโดยอัตโนมัติ ส่วนรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าอย่างเดียวในตลาดอเมริกาไม่มีแล้ว แต่ตลาดอื่นน่าจะยังมีทำตลาดอยู่
เปิดตัวขายในตลาดทั่วโลกแล้วสำหรับรุ่นปรับโฉมของ HR-V ส่วนบ้านเราน่าจะเข้ามาขายในปีหน้า ส่วนจะมีรุ่นเทอร์โบพ่วงเข้ามาด้วยไหม ต้องติดตามดูกันต่อไป
