xs
xsm
sm
md
lg

ปอร์เช่ แกร่ง 3 ไตรมาสแรก ฟันรายรับเพิ่มกว่า 1.91 หมื่นล้านยูโร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ปอร์เช่ เผยความแกร่งในตลาดทั่วโลก 3 ไตรมาสแรก โต 11% หรือ 3.3 พันล้านยูโร ส่งผลรายได้เพิ่ม 1.91 หมื่นล้านยูโร เฉพาะยอดรถใหม่เพิ่ม 6% อยู่ที่ 196,562 คัน พร้อมเสริมบุคลากร 9% หรือ 31,753 ตำแหน่ง นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สตุ๊ทการ์ท : จากความแข็งแกร่งขององค์กร ที่ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้ Porsche AG ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ทั้งด้านผลประกอบการ รายรับรวม ยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่และจำนวนบุคลากร คุณภาพผู้ร่วมปฏิบัติงานกับบริษัทที่เพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขผลประกอบการในช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า พบว่า มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นประมาณ 11% หรือ 3.3 พันล้านยูโร สำหรับรายรับรวมเพิ่มขึ้นกว่า 12% หรือ 19.1 พันล้านยูโร ผลตอบแทนจากการขายอยู่ที่ 17.4% ยอดส่งมอบรถใหม่เพิ่มขึ้นถึง 6% หรือคิดเป็นจำนวนรถปอร์เช่ ที่ส่งถึงมือลูกค้าทั่วโลกมากถึง 196,562 คัน เมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในส่วนของอัตรากำลังคนเพิ่มขึ้นประมาณ 8% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 31,753 ตำแหน่ง

“พานาเมร่า และรถสปอร์ตเรือธง 911 ของเรา ได้รับการตอบรับอย่างดี และตลาดมีความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” คำกล่าวของ Oliver Blume ตำแหน่ง CEO ของ Porsche AG “เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดนี้ คือทีมบุคลากรที่แข็งแกร่งของเราทุกคน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงระดับ 32,000 คน อีกหนึ่งไตรมาสต่อจากนี้ ตำแหน่งงานอีกกว่า 1,200 ตำแหน่ง จะถูกเพิ่มเติมขึ้นเพื่อรองรับการผลิตไทคานน์ รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่ และขณะนี้ คณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลการดำเนินงาน ได้เปิดสัญญาณไฟเขียวอนุมัติให้ผลิต ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รถคันนี้ คือ อีกหนึ่งเวอร์ชั่นของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะได้รับการผลิตขึ้น จริงเป็นรุ่นที่ 2 เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว เราวางแผนที่จะเสริมกำลังคนเพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 อัตรา" Blume กล่าวปิดท้าย

ตามติดด้วย Lutz Meschke รองประธาน และสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้ดูแลส่วนงานการเงินและเทคโนโลยี สารสนเทศของปอร์เช่ โดยเขาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานตลอดระยะเวลา 3 ไตรมาส ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงการเติบโต ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงผลักดันในเชิงบวกและยอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนผลกระทบในเชิงลบนั้น มีสาเหตุหลัก จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน และการทุ่มงบประมาณลงทุนจำนวนมากในการพัฒนาระบบขับเคลื่อน พลังงานไฟฟ้า เช่นเดียวกับการแสวงหาแนวทางการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ให้แก่องค์กร

"ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เราพยายามสร้างสรรค์ผลงานให้ดีมากกว่าเดิมสำหรับช่วงเวลาปลายปีที่เหลืออยู่ นับเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของพวกเราอย่างมาก" Meschke กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า "นอกจากความไม่แน่นอน ของกระแสเศรษฐกิจและการเมือง เรายังต้องพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการทดสอบ WLTP test cycle แบบใหม่ รวมทั้งการทดสอบการทำงานของระบบ gasoline particulate filters พร้อมกับการยุติบทบาทของเครื่องยนต์ดีเซล" ทั้งนี้กฎข้อบังคับด้านมลภาวะฉบับใหม่ ได้เริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการทั่วทั้งทวีปยุโรปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่งทุกคันจะต้องผ่านข้อกำหนดดังกล่าว

ปอร์เช่ สามารถสร้างสถิติใหม่ ภายในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนแรกของปี 2018 ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นถึง 6 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 196,562 คัน การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคยุโรป โดยแสดงให้เห็นจากอัตราการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 9% หรือ 66,551 คัน ทั้งนี้ เฉพาะเยอรมนีเพียงแห่งเดียว มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้นกว่า 13% คิดเป็น 24,709 คัน ในส่วนของจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุด ตัวเลขจำนวนการส่งมอบรถใหม่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 4% หรือ 56,254 คัน

เมื่อพิจารณาแยกแต่ละรุ่นพานาเมร่า คือ รุ่นที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด หลังสิ้นเดือนกันยายน จำนวนของรถสปอร์ตซาลูน 4 ประตู ที่ถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าทั่วโลก ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 60% ด้าน 911 รักษาอัตราการเติบโตได้ที่ตัวเลข 2 หลัก ด้วยสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 19% สำหรับรุ่นที่สร้างยอดได้มากที่สุดยังคงเป็นสปอร์ต SUV มาคันน์ จากตัวเลขส่งมอบรวม 68,050 คัน และตามมาด้วย คาเยนน์ ที่ 49,715 คัน

ปอร์เช่ คาดหมายว่าปี 2018 บริษัทจะยังคงมีผลประกอบการที่ดีและบรรลุถึงเป้าหมายเช่นเดียวกับปี 2017 ที่ผ่านมา ด้วยยอดส่งมอบรถใหม่ที่สูงถึง 246,375 คัน แม้เงื่อนไขจะต้องบรรจุความสำเร็จให้ได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 คือ การสร้างรายรับรวมตลาอดปีงบประมาณ 2018 ให้เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า โดยอาศัยการผสานข้อได้เปรียบจากปัจจัยเชิงบวกหลายประการ จุดมุ่งหมาย คือ ปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ แผนกลยุทธ์ที่ต้องการผลตอบแทนจากการขายที่ตัวเลข 15% นั้น ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น