xs
xsm
sm
md
lg

บีเอ็มดับเบิลยู เปิด BMW ConnectedDrive พลิกโฉมยานยนต์สู่โลกดิจิทัล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




“บีเอ็มดับเบิลยูไทย” เดินหน้าต่อยอดยานยนต์อนาคต เปิดตัว BMW ConnectedDrive บริการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์การใช้งาน BMW iPerformance ใหม่ 25 รุ่นในปี 2025 พร้อมจับมือพันธมิตร “ไมโครซอฟท์” ดึงเทคโนโลยี Open Mobility Cloud


คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ปี พ.ศ. 2561 นี้ ครบรอบ 20 ปีของ BMW ConnectedDrive โดยเรายังมุ่งมั่นในฐานะผู้บุกเบิกการให้บริการดิจิทัลล้ำยุคแห่งยานยนต์ระดับสากล บริการของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างนิยามใหม่ให้แก่ประสบการณ์การขับขี่อย่างไร้ขีดจำกัด โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ใช้งาน



ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่น BMW Connected มีผู้ใช้งานมากกว่า 2.3 ล้านคน และมีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 10 ล้านคันใน 45 ประเทศทั่วโลกที่มีการเชื่อมต่อด้วยฟีเจอร์ของระบบ BMW ConnectedDrive การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ BMW ConnectedDrive ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ NUMBER ONE > NEXT ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งมุ่งปูรากฐานอันแข็งแกร่งไปสู่อนาคตแห่งยนตร กรรมในโลกดิจิทัล”





บริการ BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance ผู้ใช้งานจะสามารถควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพพลิเคชั่น BMW Connected บน iPhone โดยบริการใหม่สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูปลั๊กอินไฮบริด ได้แก่


-การแสดงสถานะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะและระดับของแบตเตอรี่ ระยะทางที่คาดว่าจะแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถได้จากทุกที่ ทุกเวลา


-การควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจากระยะไกล ผู้ใช้งานสามารถเปิด/ปิดเครื่องปรับอากาศในห้องโดยสารได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือตั้งเวลาเปิด/ปิดล่วงหน้าให้ตรงกับเวลาที่ต้องการออกเดินทาง และหากรถยนต์เชื่อมต่ออยู่กับสถานีชาร์จ ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมการชาร์จด้วยการตั้งเวลาที่ต้องการได้ เพื่อเลือกให้ชาร์จไฟฟ้าในช่วง off peak หรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ

-ระบบการนำทาง ที่สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดได้อีกด้วย


-การประมวลและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของแต่ละบุคคล โดยวิเคราะห์รูปแบบการขับขี่และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน






นอกจากนี้ อเล็กซานเดอร์ คอเทช หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู i ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นด้านนวัตกรรมยานยต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู i ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ที่ความนิยมในยานยนต์ไฟฟ้าในโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จึงมีความมุ่งมั่นที่จะตอบรับความต้องการของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพและฉับไว ด้วยการสร้างสายการประกอบรถยนต์ที่มีความยืดหยุ่นที่สุด โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ระบบปลั๊กอินไฮบริด และเครื่องยนต์สันดาป จะใช้สายการประกอบร่วมกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จะสามารถรองรับความต้องการในเรื่องของรุ่นรถยนต์และระบบขับเคลื่อนที่แตกต่างของผู้ขับขี่ได้ทุกที่ทุกเวลา



ภายในปี พ.ศ. 2568 บีเอ็มดับเบิลยู i จะมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 25 รุ่น ประกอบไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ถึง 12 รุ่น ขณะที่แบรนด์และสายผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้ความดูแลของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ก็ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จต่อไป

ด้าน ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ ระบบคลาวด์อัจฉริยะที่มาพร้อมความปลอดภัยระดับโลก จะช่วยให้ BMW ConnectedDrive สามารถทำการวิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่บันทึกจากการขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู โดยระบบ Open Mobility Cloud ของบีเอ็มดับเบิลยูได้เลือกใช้แพลตฟอร์ม ไมโครซอฟท์ อาซัวร์เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาบริการอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่มากมาย ที่ไม่เพียงเชื่อมโยงตัวรถเข้ากับสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคอนเทนต์และระบบเครือข่ายอีกมากมายจากภายนอก




ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กระบวนการปฏิรูปด้วยดิจิทัลกำลังผลักดันให้ทุกอุตสาหกรรมและทุกองค์กรทั่วโลกต่างต้องพลิกรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น เป็นที่คาดการณ์กันว่าในปี พ.ศ. 2563 รถยนต์ใหม่ในตลาดโลกกว่า 90% จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือโลกภายนอก ซึ่งทั้ง BMW ConnectedDrive และแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ล้วนเป็นเทคโนโลยีที่ปูทางไปสู่ประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต”



ระบบคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ เป็นแพลตฟอร์มเปิดที่พร้อมรองรับการพัฒนาต่อยอดในทุกระดับ พร้อมมอบศักยภาพให้ผู้ผลิตรถยนต์ได้สร้างสรรค์บริการและคุณสมบัติอัจฉริยะอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อเสริมให้รถยนต์สามารถตอบสนองต่อควาต้องการด้านการขับขี่ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังเปิดประตูไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต คุณสมบัติอันชาญฉลาดสำหรับรถยนต์แห่งอนาคตทั้งหมดนี้ มีรากฐานอยู่บนความปลอดภัยระดับโลก โดยแพลตฟอร์ม ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ เป็นระบบคลาวด์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด ด้วยการรองรับมาตรฐานระดับโลกและระดับอุตสาหกรรมในด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมากกว่า 70 มาตรฐาน






กำลังโหลดความคิดเห็น