การเดินทางท่องเที่ยวตามสไตล์ อีซูซุ ทริปนี้ เลือกจังหวัดอุบลราชธานี เป็นจุดหมายปลายทาง เพื่อให้เราได้สัมผัสกับ สมรรถนะของ อีซูซุ ดีแมคซ์ ทั้งเครื่องยนต์1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ซึ่งทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้พาหนะประจำการเป็น อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4 เกียร์ออโต้ 3.0 ลิตร
คณะสื่อมวลชนกว่า 20 ชีวิต เริ่มต้นสตาร์ทกันที่โชว์รูมบริษัท อีซูซุ ตังปัก อุบล จำกัด มุ่งหน้าสู่หาดชมดาว แก่งหินงาม บริเวณหมู่บ้านโนนตาล อำเภอนาตาล ซึ่งห่างจากจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 114 กิโลเมตร โดยเรานัดเจอกับมัคคุเทศน์ตัวน้อย ซึ่งหาดชมดาวนั้น มีลักษณะเป็นแนวหาดหิน และแก่งหินอันกว้างใหญ่ ทอดตัวยาวหลายร้อยเมตรบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้ได้รับสมญานามว่าเป็น แกรนด์ แคนยอน เมืองไทย โดยเกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำในช่วงเวลาน้ำหลาก ผ่านช่องแคบของแม่น้ำโขง กลายเป็นประติมากรรมหินธรรมชาติ ที่มีลวดลายพริ้วไหวรูปร่างแปลกตา และสวยงาม ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปชมคือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้นอกจากจะไปชมความสวยงามแล้ว ทีมงานอีซูซุ ยังได้ นำรถ อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4 ขับลงไปเพื่อพิสูจน์สมรรถนะว่า แม้พื้นที่ที่เป็นหิน ไร้สภาพทางแบบนั้น รถอีซูซุยังสามารถขับเข้าไปถึงจุดหมายตามที่ไกด์บอกได้ แม้บางช่วงของการขับ ดูน่าหวาดเสียว แต่ด้วยพิกัดกำลังระดับ 177 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างไม่ยากเย็น
จุดหมายต่อไปคือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่เรียกกันติดปากว่า วัดเรืองแสง ที่อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากหาดชมดาว แก่งหินงาม ประมาณ 116 กิโลเมตร โดยช่วงนี้เราได้มีโอกาสทำความเร็วในการขับขี่ถึงระดับ 120 กม./ชม. ยอมรับว่าช่วงล่างทรงตัวได้ดี ขับแล้วสบายใจ
สำหรับ วัดแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า และมีปรากฏการณ์ ในทุก ๆ ค่ำคืนหลังพระอาทิตย์ตกดิน ต้นกัลปพฤกษ์ทางผนังด้านหลังโบสถ์จะค่อย ๆ เรืองแสงเปล่งประกายโดดเด่นท่ามกลางความมืดมิดน่าอัศจรรย์ยิ่ง
ซึ่งต้นกัลปพฤกษ์หลังอุโบสถวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวแห่งนี้ เป็นผลงานการออกแบบของช่างคณากร ปริญญาปุณโณ ผู้เป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ โดยในช่วงกลางวันต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้จะดูดแสงแดดเอาไว้ เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ตกก็จะปรากฏเป็นต้นไม้เรืองแสงงดงาม ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชม และถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น.
หลังจากนั้นกลับไปพักผ่อนและรับอากาศบริสุทธิ์ ณ บริเวณปลายสุดแม่น้ำโขง ที่พระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม ณ โรงแรม ทอแสงโขงเจียม จุดบรรจบของแม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง
ในเช้าวันรุ่งขึ้น จบทริปอย่างสนุกสนานด้วยการเยี่ยมชมและร่วมทำโมบายอีสาน ที่ร้านกาลครั้งหนึ่ง (ONCE UPON A TIME) โดยร้านแห่งนี้เป็นเรือนไม้สไตล์วินเทจ ที่มีร้านกาแฟ อาหาร เครื่องดื่ม มุมนั่งเก๋ ๆ ทั้งชั้นบน และชั้นล่างไว้บริการ และไฮไลท์ของร้านคือการที่เป็นแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาการทอผ้าฝ้าย การย้อมสีธรรมชาติ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆภาคอีสาน
แล้วพบกันใหม่กับกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวสไตล์ อีซูซุ ดีแมกซ์
