xs
xsm
sm
md
lg

โตโยต้า ซี-เอชอาร์ 1.8MID หนึบ นิ่ง แรงพอดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เดือนละ 2,000 คัน” คือ เป้าหมายการขายตามคำประกาศของทีมผู้บริหาร โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ที่กล่าวต่อสื่อมวลชนในการแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “โตโยต้า ซี-เอชอาร์” ซึ่งเดือนแรกของการจำหน่ายสามารถบรรลุเป้าได้อย่างสบายๆ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของเซกเมนท์ B-SUV นี้

สำหรับ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ มากับเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก คือ ในรุ่นไฮบริด ซึ่งเราได้เคยนำเสนอบทความไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีกหนึ่งรุ่น เครื่องยนต์ 1.8 เบนซิน ที่เราเพิ่งจะได้มีโอกาสทดลองขับอย่างจริงจัง พร้อมแล้วสำหรับการนำเสนอ มาชมกันว่า รุ่น 1.8 เบนซินนั้น มีเป็นอย่างไร เหมือนรุ่นไฮบริดขนาดไหน


1.8 ลิตร 140 แรงม้า
ว่าด้วยในส่วนของเครื่องยนต์นั้น คบหากับเครื่องเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE พิกัดกำลัง 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร แค่ตัวเลขสเปคก็เห็นถึงความแตกต่างกับรุ่นไฮบริด ขณะที่เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ถือว่าอยู่ระดับเดียวกัน ได้เบียดแบบสมน้ำสมเนื้อ



สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก กล่าวย้ำกันอีกสักครั้งด้วยแนวคิดตั้งต้นของการสร้างรถยนต์รุ่นนี้ C-HR ย่อมาจากคำว่า Coupe – Hi Rider ดังนั้น เมื่อตีความตามคอนเซปต์แบบตรงตัว ผลลัพท์ที่ได้จึงออกมาเป็น รถสปอร์ต 2 ประตูที่ยกสูง อันเป็นหัวใจสำคัญที่ทีมวิศวกรใช้ในการสร้างสรรค์ ซี-เอชอาร์




เมื่อเข้าใจถึงแนวคิดในการสร้างรถกันแล้ว มาดูกันว่า ซี-เอชอาร์ ถูกสร้างมาได้ตรงกับแนวคิดดังกล่าวเพียงไร ด้วยความเป็นคูเป้ ที่หมายถึงรถสปอร์ต 2 ประตู ดังนั้น มือจับประตูหลังจึงถูกออกแบบให้ซ่อนรูปไปตามเส้นสันของตัวถัง ที่สามารถทำออกมาได้อย่างกลมกลืน ส่วนในแง่ความสวยงาม แล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคล เราไม่ขอวิจารณ์


แนวโค้งของหลังคาทางด้านหลังที่ลาดต่ำลงมาตรงตามแนวคิดความเป็นรถสปอร์ต ทางด้านฝาท้ายมากับรูปทรงที่ดูแปลกตา ให้ความรู้สึกที่เป็นสปอร์ตเต็มๆ แล้วภายในเป็นอย่างไรบ้าง การออกแบบคอนโซลหน้า เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เอาใจเฉพาะผู้ขับขี่เป็นหลัก ด้วยความโค้งเอียงเขาหาตัว รวมถึง คอนโซลกลางที่กั้นแยกส่วนอย่างชัดเจน ต่างจากรถเอนกประสงค์ทั่วไป ที่จะเน้นเรื่องของพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก




และเมื่อมองไปที่เบาะนั่งแถวที่สอง ถ้าอิงจากแนวคิดรถสปอร์ตคูเป้ นี่คือ Dog Seat ที่ใหญ่ที่สุด ของรถคูเป้ ในระดับนี้ แน่นอนว่า ถ้ามองจากมุมของรถเอนกประสงค์ มันจะดูแคบและอึดอัด อันเนื่องมาจากหน้าต่างบานหลังที่เล็ก (ตามแนวคิดของการทำรถสปอร์ตคูเป้) แต่หากได้ลองนั่งจริง มันไม่ได้แคบแต่ประการใด นั่งได้ปกติแต่จะรู้สึกจมกว่ารถอื่น




หนึบ นิ่ง แรงพอดี

ในส่วนของการทดลองขับนั้น รอบนี้เราเน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ความรู้สึกแรกหลังกดคันเร่ง ออกตัวเนียนๆ จังหวะคิกดาวน์ไม่มีดึง กระชาก ความเร็วค่อยๆ ขึ้น ตามนิสัยของเกียร์แบบซีวีที ซึ่งซี-เอชอาร์ ได้เกียร์ชุด super CVT-I แบบ 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift lock ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและสามารถปลดล็อกเกียร์ว่างเมื่อต้องจอดขวางคันอื่นได้

การใช้งานในเมืองคล่องตัว ทัศนวิสัยการขับขี่ชัดเจนดี เลี้ยวง่ายพวงมาลัยเบามือ สะดวกแม้อยู่ในลานจอดรถที่ค่อนข้างแคบ เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย ความรู้สึกเหมือนเป็นรถสปอร์ตที่สูงกว่าชาวบ้านเล็กน้อย ซึ่งตัวผู้เขียนเองใช้รถเอสยูวีเป็นรถประจำกายอยู่แล้วดังนั้นจึงค่อนข้างเคยชินกับมุมมองแบบนี้ ทีมักจะได้เปรียบเวลาเปลี่ยนเลน




การขับด้วยความเร็วย่าน 60-120 กม./ชม. ถือเป็นย่านที่ตอบสนองได้ดี เร่งทันใจ แต่จะไม่ปรู๊ดปร๊าด ไม่มีอาการดึง แม้ตัวรถจะสร้างบนแนวคิดของการเป็นรถสปอร์ต แต่ลักษณะการขับเคลื่อนเอาใจความเป็นเอนกประสงค์ แรงกำลังดีสมกับลักษณะของการใช้งาน การเก็บเสียงทำได้ประทับใจในระดับหนึ่ง

เหนืออื่นใด สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษสำหรับ ซี-เอชอาร์ 1.8 Mid คือช่วงล่างที่ติดตั้งและปรับแต่งให้มีความเกาะถนน ขับแล้วนิ่ง เกาะโค้งหนีบดี ผิดแผกไปจากวิสัยของรถโตโยต้ารุ่นอื่นๆ แม้จะเป็นรถเอนกประสงค์ที่สูงกว่ารถปกติ แต่กับมีช่วงล่างที่ขับแล้วมั่นใจ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณระบบโครงสร้างตัวถัง TNGA ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ของโตโยต้า





อย่างไรก็ตาม อย่างที่เราบอกไป เบาะนั่งแถวที่ 2 ยังคงเป็นส่วนที่หลายตั้งข้อสงสัยถึงความสบายในการโดยสาร ย้ำอีกครั้ง นั่งได้ แต่จะเตี้ยกว่ารถรุ่นอื่น ด้วยหลังคาด้านท้ายที่ลาดลงมา ทำให้ต้องเซตเบาะให้ต่ำกว่า เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง ส่วนการนั่งจากการสอบถามคนที่นั่งหลังแล้วบอกว่า นั่งได้ แต่นอนไม่ได้ และมันจม เท่านั้นเอง


มาดูเรื่องของอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงกันบ้าง วิ่งทางยาวๆ กับระยะทางราว 300 กม. เห็นตัวเลขราว 14.5 กม./ลิตร ตามการแสดงผลบนหน้าจอ และเมื่อมารวมกับใช้งานในเมืองอีกราว 70 กม. ตัวเลขระบุที่ 12.9 กม.ลิตร กับพิกัดขนาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทำได้ขนาดนี้ต้องเรียกว่า น่าพึงพอใจ




อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเครื่องยนต์เบนซิน จะไม่มีระบบเทเลมาติก ที่มีฟังก์ชั่นโทรช่วยเหลือยามฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงอุปกรณ์อื่นปลีกย่อยอีกหลายรายการ เช่น ไฟหน้าส่องสว่างเวลากลางวัน เป็นต้น ส่วนระบบความปลอดภัยมาครบทั้ง VSC, TRC, BA, HAC และถุงลมนิรภัย 7 จุด

เหมาะกับใคร

สำหรับคนที่ใช้งานลำพังหรือไปเป็นคู่ ดูรถเอนกประสงค์สไตล์สปอร์ต ที่มีรูปลักษณ์เฉพาะตัว และได้ความเป็นโตโยต้า แต่กลัวการใช้งานไฮบริด ดังนั้นการเลือกเครื่องยนต์แบบ 1.8 มาตรฐานจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ยังไม่ต้องเชื่อเราจนกว่าจะได้ลองขับจริงแล้วท่านจะพบว่า ช่วงล่างของซี-เอชอาร์นี้ คือสิ่งที่เปลี่ยนไปของโตโยต้า











กำลังโหลดความคิดเห็น