บีเอ็มดับเบิลยูและเดมเลอร์ตกลงผนวกบริการโมบิลิตี้เข้าด้วยกันในบริษัทร่วมทุนแบบ 50-50 เพื่อขยายการนำเสนอแอปไรด์เฮลลิ่ง คาร์แชริ่ง ที่จอดรถ และการชาร์จรถไฟฟ้า รับมือการแข่งขันจากเจ้าบุญทุ่มวงการไฮเทคอย่างอูเบอร์ในอเมริกาและดีดี ชูซิงในจีน
สองบริษัทรถหรูจากเยอรมนีแถลงเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วว่า เป้าหมายของการรวมตัวครั้งนี้อยู่ที่การเป็นผู้นำในการนำเสนอบริการโมบิลิตี้อัจฉริยะในเมืองรูปแบบใหม่ที่เชื่อมต่อกันอย่างราบรื่นสำหรับผู้บริโภคที่มองรถยนต์เป็นบริการที่จะใช้เมื่อต้องการ และบริการนี้จะขยายครอบคลุมทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ธุรกิจที่จะมารวมกันอย่างน้อย 10 ธุรกิจนั้นครอบคลุมถึงบริการคาร์แชริ่ง “คาร์2โก” ของเดมเลอร์ และ “ไดรฟ์นาว” ของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งลูกค้าใช้แอปบนสมาร์ทโฟนค้นหาและปลดล็อครถที่จอดบนถนนในเมือง เพื่อนำไปใช้ในการเดินทางระยะสั้นเมื่อต้องการ
นอกจากนี้ยังรวมถึงบริการชาร์จรถไฟฟ้า แม้ปัจจุบันอีวียังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยนิดจากราคาที่เข้าขั้นแพง ซ้ำขาดแคลนสถานีชาร์จ แต่เมื่อไหร่ที่รถไฟฟ้าราคาถูกลงหรือถูกกว่ารถทั่วไป ส่วนแบ่งตลาดอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายถึงความต้องการจุดชาร์จด้วยเช่นกัน
โครงการร่วมทุนแบบ 50-50 ที่ต้องได้รับอนุมัติจากผู้คุมกฎในยุโรปและอเมริกาก่อนนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เป้าหมายยอดขายประจำปี หรือผู้บริหารแต่อย่างใด
ปัจจุบัน บริษัทรถกำลังพัฒนาธุรกิจการให้บริการเพื่อรับมือการแข่งขันจากผู้เล่นนอกวงการอย่างอูเบอร์และลิฟต์ ตัวอย่างเช่น โฟล์คสวาเกนที่เมื่อปีที่แล้วเปิดตัวบริษัทใหม่ในชื่อโมญา เพื่อพัฒนาและนำเสนอระบบโมบิลิตี้ออน-ดีมานด์ หรือเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ที่กำลังดำเนินการแอปคาร์-แชริ่งในชื่อ “มาเวน”
ดีเทอร์ เซทเช ซีอีโอเดมเลอร์ บอกว่า ในฐานะผู้บุกเบิกวิศวกรรมยานยนต์ เดมเลอร์จะไม่ปล่อยให้ภารกิจการกำหนดอนาคตระบบขนส่งในเมืองไปตกอยู่ในมือผู้เล่นจากวงการอื่น นอกจากนั้นบริษัทยังต้องการผนวกความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพื่อพัฒนาระบบนิเวศพิเศษที่ยั่งยืนสำหรับบริการโมบิลิตี้ในเมือง
นายใหญ่เดมเลอร์มองว่า คนจำนวนมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนจะต้องการความคล่องตัวสูงสุดในการเดินทางโดยไม่ต้องมีรถเป็นของตัวเอง
ปีเตอร์ ชวาร์เซนบาวเออร์ สมาชิกคณะกรรมการบริหารบีเอ็มดับเบิลยูที่รับผิดชอบนวัตกรรมธุรกิจดิจิตอล เสริมว่า บริษัทใหม่จะรวมธุรกิจสำคัญ ได้แก่ คาร์แชริ่ง ไรด์เฮลลิ่ง บริการจอดรถ และการชาร์จรถไฟฟ้าเข้าด้วยกันในแพล็ตฟอร์มเดียว และนำเสนอบริการโมบิลิตี้ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
บริษัทวิจัย เอเวอร์คอร์ ไอเอสไอ มองว่า ข้อตกลงระหว่างเดมเลอร์กับบีเอ็มดับเบิลยูดูเหมือนลงตัวมากสำหรับผู้บริโภคที่กำลังต้องการ “แอปเดียว” ที่ครอบคลุมบริการโมบิลิตี้/คอนเน็กติวิตี้ทั้งหมด ไม่ใช่หนึ่งแอปสำหรับหนึ่งบริการแบบที่เป็นอยู่ และสำทับว่า การร่วมมือในวงกว้างในอุตสาหกรรมเป็นสิ่งจำเป็น หากผู้ผลิตรถต้องการโอกาสที่เป็นจริงในการเปลี่ยนบริการโมบิลิตี้ให้กลายเป็นขุมกำไร
ขณะที่บริษัทที่ปรึกษา พีดับเบิลยูซี ระบุว่า บริษัทรถดั้งเดิมจะถูกบริษัทไฮเทคที่มีเงินถุงเงินถังบ่อนทำลายความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังมัวชักช้าไม่เร่งพัฒนาบริการโมบิลิตี้ตามสั่งแบบจ่ายตามระยะทางที่ใช้จริง และยังคาดว่า ส่วนแบ่งกำไรในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกอาจตกลงจาก 85% เหลือไม่ถึง 50% ในปี 2030
ขณะนี้ คาร์2โกของเดมเลอร์ให้บริการในกว่า 20 ประเทศ และมีผู้ใช้ลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 3 ล้านคนเพื่อเข้าถึงรถเช่า 14,000 คัน โดยรถที่ให้บริการในสตุตการ์ต มาดริด และอัมสเตอร์ดัมเป็นรถไฟฟ้าเท่านั้น ส่วนไดรฟ์นาวของบีเอ็มดับเบิลยูมีรถให้บริการ 6,000 คันใน 9 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม เดมเลอร์ เจ้าของแบรนด์รถหรู เมอร์เซเดส และบีเอ็มดับเบิลยูยืนยันว่า นอกเหนือจากบริการที่จะผนวกรวมกันแล้ว ทั้งคู่จะยังห้ำหั่นกันแบบไม่ออมมือเหมือนเดิม