MGRonline - เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขานรับนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า ปรับโรงงานรับแผนการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งแบบ ปลั๊กอินไฮบริดและ อีวี ระบุในปีนี้ได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดจากโครงการประกอบในประเทศตามการสนับสนุนของภาครัฐอย่างแน่นอน โดยเป็นโมเดลใหม่ที่ไม่เคยทำตลาดในเมืองไทยมาก่อน ยาหอมนโยบายรัฐบาลไทยเอื้อให้รถยนต์ไฟฟ้าแจ้งเกิดได้ดีที่สุดในภูมิภาคนี้
นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงแผนการผลิตของโรงงานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดรับกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ชนิด ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบอีวี (EV) โดยจะยังคงผลิตที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีกำลังการผลิตรองรับถึง 40,000 คันต่อปี
“นโยบายของรัฐบาลไทยเวลานี้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าดีที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในส่วนของการสนับสนุนการผลิตและการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริโภค ทำให้เราตัดสินใจเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งตรงกับแนวทางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั่วโลกที่วางแผนในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่”
นายไมเคิล กล่าวว่า สำหรับมูลค่าการลงทุนไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่จะเป็นการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากรถยนต์แบบ PHEV และครอบคลุมไปถึงรถแบบ EV ในอนาคต รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่ด้วย ซึ่งโมเดลที่จะเริ่มต้นประกอบในประเทศจะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยทำตลาดในประเทศไทยมาก่อนและจำเริ่มทำตลาดได้ในปีนี้
ขณะที่ ยอดขายในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถทำยอดได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยด้วยตัวเลข 14,484 คัน เติบโต 23% และครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถยนต์หรูของประเทศไทยเป็นปีที่ 17 ติดต่อกัน โดยปีนี้มีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ใหม่มากกว่า 10 รุ่น ครบทุกเซกเมนท์
“คาดว่าตลาถรถยนต์นั่งรวมในปีนี้จะเติบโตขึ้น ในระดับ 3-5% มาอยู่ที่ตัวเลข 400,000-410,000 คัน ส่วนรถยนต์หรูจะเติบโตเช่นเดียวกัน โดยในปี 2017 คาดว่าตลาดรถยนต์หรูมียอดขายรวมอยู่ที่ระดับประมาณ 25,000 คัน นับเป็นเรื่องน่ายินดีต่อทุกค่ายรถยนต์ รวมถึงค่ายรถยนต์หรูรายใหม่ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นทำตลาด” นายไมเคิลกล่าวทิ้งท้าย
นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงแผนการผลิตของโรงงานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดรับกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ชนิด ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบอีวี (EV) โดยจะยังคงผลิตที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีกำลังการผลิตรองรับถึง 40,000 คันต่อปี
“นโยบายของรัฐบาลไทยเวลานี้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าดีที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในส่วนของการสนับสนุนการผลิตและการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริโภค ทำให้เราตัดสินใจเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งตรงกับแนวทางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั่วโลกที่วางแผนในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่”
นายไมเคิล กล่าวว่า สำหรับมูลค่าการลงทุนไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่จะเป็นการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากรถยนต์แบบ PHEV และครอบคลุมไปถึงรถแบบ EV ในอนาคต รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่ด้วย ซึ่งโมเดลที่จะเริ่มต้นประกอบในประเทศจะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยทำตลาดในประเทศไทยมาก่อนและจำเริ่มทำตลาดได้ในปีนี้
ขณะที่ ยอดขายในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถทำยอดได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยด้วยตัวเลข 14,484 คัน เติบโต 23% และครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถยนต์หรูของประเทศไทยเป็นปีที่ 17 ติดต่อกัน โดยปีนี้มีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ใหม่มากกว่า 10 รุ่น ครบทุกเซกเมนท์
“คาดว่าตลาถรถยนต์นั่งรวมในปีนี้จะเติบโตขึ้น ในระดับ 3-5% มาอยู่ที่ตัวเลข 400,000-410,000 คัน ส่วนรถยนต์หรูจะเติบโตเช่นเดียวกัน โดยในปี 2017 คาดว่าตลาดรถยนต์หรูมียอดขายรวมอยู่ที่ระดับประมาณ 25,000 คัน นับเป็นเรื่องน่ายินดีต่อทุกค่ายรถยนต์ รวมถึงค่ายรถยนต์หรูรายใหม่ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นทำตลาด” นายไมเคิลกล่าวทิ้งท้าย
