xs
xsm
sm
md
lg

มินิ ปรับโฉมใหม่ 3 รุ่นรวด เด่นไฟท้ายลายธง Union Jack

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มินิ เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ (LCI)พร้อมกันทีเดียว 3 รุ่นรวด มินิ แฮทช์ ทั้ง 3 ประตู , 5 ประตู และ เปิดประทุน ปรับใหม่รอบคัน เด่นด้วยไฟท้ายลายธง Union Jack ของสหราชอาณาจักร พร้อมเปลี่ยน โลโก้ ใหม่ให้สอดคล้องการทำตลาด ขยับแต่งเครื่องยนต์ เสริมชุดเกียร์อัตโนมัติใหม่ให้มีความประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

หลังจาก เปิดตัวทำตลาดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2014 สมควรแก่เวลาที่ มินิ จะปรับโฉมใหม่ให้กับ มินิ แฮทช์ แล้วโดยเป็นการไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งมินิเรียกว่า LCI โดยปรับโฉมพร้อมกันทั้ง 3 โมเดล ได้แก่ มินิ แฮทช์ 3 ประตู (F56), มินิ แฮทช์ 5 ประตู (F55) และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล โฉมเปิดประทุน (F57)

สำหรับจุดใหญ่ใจความของการปรับโฉมครั้งนี้ เห็นเด่นชัดที่สุดคงเป็น ไฟหน้าและไฟท้าย ซึ่งไฟหน้าจะเป็นแบบวงแหวนครบเต็มวง พร้อมระบบ Daytime Running Light และออปชั่นของ Adaptive LED ที่สามารถปรับความสว่างตามสภาพท้องถนนอัตโนมัติ ส่วน ไฟท้าย เด่นสุดด้วยการปรับเปลี่ยนรูปทรงและ จัดเรียงเส้นไฟเป็นลายธง Union Jack ของสหราชอาณาจักร โดยมีทั้งไฟเลี้ยวและไฟเบรกเข้าไปอยู่ในรายละเอียดอย่างลงตัวสวยงาม


ขณะที่จุดสำคัญอีกประการคือ การ ใช้ตราสัญลักษณ์โลโก้ MINI แบบใหม่บนตัวรถ รวมถึงทุกตำแหน่งที่มีโลโก้ ตามโลโก้ใหม่ของมินิที่เริ่มใช้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว รวมถึงลูกเล่นใหม่ โปรเจคเตอร์ฉาย โลโก้ มินิ ลงบนพื้น นอกตัวรถฝั่งคนขับ ที่มาพร้อมกับออพชันพิเศษ แท่นชาร์จไฟมือถือแบบไร้สาย


ภายในห้องโดยสาร หน้าจอ MINI Connected ปรับปรุงหลายรายการ อาทิ เพิ่มการรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, ระบบข่าวสาร MINI Online และ รองรับระบบ Real time traffic information เป็นต้น (อาจจะใช้ได้ในบางประเทศที่มีฐานข้อมูลรองรับ) เหนืออื่นใด ห้องโดยสาร มากับโปรแกรมพิเศษ MINI Yours แบบเรืองแสงในลวดลายธง Union Jack บนพื้นที่เช่น คอนโซลหน้ารถ, แผงประตู และขอบอุปกรณ์ต่างๆ โดยสามารถเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบ



สำหรับหัวใจของ มินิ ทั้ง 3 โมเดล ยังคงมากับ 2 ทางเลือกเช่นเดิมทั้งเบนซินและดีเซล แต่ได้รับการปรับแต่งใหม่ ให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงราว 5% และเปลี่ยนวัสดุของฝาครอบเครื่องยนต์มาใช้วัสดุแบบคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ทำให้มีน้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้า พร้อมปรับจูนแรงบิดในรุ่นเบนซินและปรับแรงดันหัวฉีดน้ำมันในรุ่นดีเซล


นอกจากนั้น มินิ ยังเพิ่มทางเลือกของระบบส่งกำลังใหม่ นอกจากเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ด้วยเกียร์อัตโนมัติ แบบ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double-Clutch) ให้กับมินิ รุ่น MINI One, MINI Cooper, MINI Cooper S และ MINI Cooper D ขณะที่ รุ่น MINI Cooper SD จะมากับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้คือการเผยโฉมในตลาดโลก ส่วนประเทศไทย จะมีการเปิดตัวเมื่อไหร่ ในรุ่นตัวถังแบบใดบ้าง คงต้องรอ มินิ ประเทศไทย ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง












กำลังโหลดความคิดเห็น