ข่าวในประเทศ - ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2560 หลังสิ้นสุดรอบปีงบประมาณเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 90.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,026 ล้านบาท) เป็น 498.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 22,083 ล้านบาท) รวมทั้งมียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 56,253 คัน เป็น 63,404 คัน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 11 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2559
บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายอย่างต่อเนื่องรวมถึงเหตุการณ์ Brexit ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยรักษาความมุ่งมั่นในเรื่องการลงทุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อที่จะปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาทั้ง 12 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการเดินหน้าพัฒนารถจักรยานยนต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ 5 รุ่น ได้แก่ กลุ่มสตรีท ทริปเปิล (Street Triple) โฉมใหม่ ตามมาด้วย บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค (Bonneville Bobber Black) และบอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์ (Bonneville Speedmaster) ตลอดจนรถจักรยานยนต์กลุ่มผจญภัยอย่าง ไทเกอร์ 800 (Tiger 800) และ ไทเกอร์ 1200 (Tiger 1200) โฉมใหม่
ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุด ในปี 2560 ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ มีรายได้ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 90.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,026 ล้านบาท) เป็น 498.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 22,083 ล้านบาท) รวมถึงมีกำไรขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 8.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 358 ล้านบาท) เป็น 24.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,094 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นคิดเป็น 49 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 56,253 คัน เป็น 63,404 คัน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 11 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2559
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการเปิดตัว ไทรอัมพ์ แฟคทอรี่ วิซิเตอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ (Triumph Factory Visitor Experience) มูลค่ากว่า 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 177 ล้านบาท) ณ เมืองฮิงคลีย์ ประเทศอังกฤษ โดย ไทรอัมพ์ แฟคทอรี่ วิซิเตอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไทรอัมพ์ ซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งเปิดโอกาสให้แฟนๆ และผู้ที่ชื่นชอบได้เดินทางมาเยี่ยมชมในส่วนของโรงงานผลิตสุดล้ำสมัยของไทรอัมพ์ เพื่อเยี่ยมชมขั้นตอนการผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของไทรอัมพ์ ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ รู้สึกตื่นเต้นกับอนาคตและมุ่งมั่นที่จะส่งมอบวิสัยทัศน์ในระยะยาวผ่านการลงทุนทั้งบุคลากร สิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความเป็นตัวตน เป็นมรดก ตลอดจนประสิทธิภาพเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ต่อไป
บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายอย่างต่อเนื่องรวมถึงเหตุการณ์ Brexit ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยรักษาความมุ่งมั่นในเรื่องการลงทุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อที่จะปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาทั้ง 12 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการเดินหน้าพัฒนารถจักรยานยนต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ 5 รุ่น ได้แก่ กลุ่มสตรีท ทริปเปิล (Street Triple) โฉมใหม่ ตามมาด้วย บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค (Bonneville Bobber Black) และบอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์ (Bonneville Speedmaster) ตลอดจนรถจักรยานยนต์กลุ่มผจญภัยอย่าง ไทเกอร์ 800 (Tiger 800) และ ไทเกอร์ 1200 (Tiger 1200) โฉมใหม่
ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุด ในปี 2560 ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ มีรายได้ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 90.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,026 ล้านบาท) เป็น 498.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 22,083 ล้านบาท) รวมถึงมีกำไรขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 8.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 358 ล้านบาท) เป็น 24.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,094 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นคิดเป็น 49 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 56,253 คัน เป็น 63,404 คัน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 11 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2559
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการเปิดตัว ไทรอัมพ์ แฟคทอรี่ วิซิเตอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ (Triumph Factory Visitor Experience) มูลค่ากว่า 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 177 ล้านบาท) ณ เมืองฮิงคลีย์ ประเทศอังกฤษ โดย ไทรอัมพ์ แฟคทอรี่ วิซิเตอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไทรอัมพ์ ซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งเปิดโอกาสให้แฟนๆ และผู้ที่ชื่นชอบได้เดินทางมาเยี่ยมชมในส่วนของโรงงานผลิตสุดล้ำสมัยของไทรอัมพ์ เพื่อเยี่ยมชมขั้นตอนการผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของไทรอัมพ์ ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ รู้สึกตื่นเต้นกับอนาคตและมุ่งมั่นที่จะส่งมอบวิสัยทัศน์ในระยะยาวผ่านการลงทุนทั้งบุคลากร สิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความเป็นตัวตน เป็นมรดก ตลอดจนประสิทธิภาพเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ต่อไป
