xs
xsm
sm
md
lg

เลกซัส แอลเอส500 ใหม่ ขีดสุดแห่งสุนทรีการขับขี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 28 ปีที่แล้ว การถือกำเนิดขึ้นของ “เลกซัส แอลเอส” (LS) เรือธงเจ้าของนิยาม “ยานยนต์ปฏิวัติ” ผู้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ พลิกหน้าวงการยานยนต์ระดับหรูหราที่สุดในยุคนั้นไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยรูปทรง เทคโนโลยี และสมรรถนะในการขับขี่ ซึ่งถือประสบความสำเร็จอย่างงดงามต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับเป้าหมายของเลกซัสในช่วงก่อเกิดคือ สร้างรถยนต์ที่เทียบเคียงเจ้าตลาดรถหรูระดับพรีเมี่ยม 3 แบรนด์หลักจากเยอรมนี ปัจจุบันนอกจากจะสามารถยืนหยัดทำตลาดต่อกรกับคู่แข่งได้อย่างทัดเทียมกันแล้ว เลกซัสยังมียอดขายเหนือกว่า โดยเฉพาะในตลาดอเมริกาที่ถือว่าเป็นฐานลูกค้าสำคัญของเลกซัส

ดังนั้นในการเปิดตัว “เลกซัส แอลเอส” เจเนอเรชันที่ 5 จึงเลือกประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเชิญสื่อมวลชนมารวมตัวกันเพื่อทดลองขับ แอลเอส ใหม่ ซึ่งเจเนอเรชันนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างมากมายทั้งภายในภายนอกและสวมหัวใจใหม่ที่มีขนาดเครื่องยนต์เล็กลงตามทิศทางของการพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบัน ลองมาชมกันว่า แอลเอสใหม่ มีอะไรสุดยอดบ้าง

หัวใจใหม่ ดีไซน์เฉียบ ภายในเนี๊ยบ

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเจเนอเรชันที่ 5 คือ การหันมาคบกับเครื่องยนต์แบบ V6 แทนที่จะเป็นเครื่องยนต์แบบ V8 เหมือนที่ผ่านมา โดยมีขนาดความจุเพียง 3.5 ลิตรเท่านั้น นั่นก็เนื่องมาจากทิศทางของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ที่เน้นลดขนาดความจุลง นอกจากเพื่อผลลัพท์ทางด้านไอเสียแถมยังได้ในเรื่องของการประหยัดน้ำมันด้วย

สำหรับเครื่องยนต์ใหม่ของแอลเอส มากับ 3 ทางเลือกหลักบนพื้นฐานของ V6 ความจุเท่ากันที่ 3.5 ลิตร ได้แก่ รุ่นมาตรฐาน LS350 กำลังสูงสุด 311 แรงม้า, รุ่นเทอร์โบ LS500 กำลังสูงสุด 415 แรงม้า และรุ่นไฮบริด LS500h กำลังสูงสุด 354 แรงม้า(รวมมอเตอร์ไฟฟ้า) ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 โดยส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดนับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในระดับนี้

การออกแบบภายนอก ฉีกแนวจากเดิมอันเนื่องมาจากแนวคิดใหม่ของท่านประธานที่มอบให้กับทีมวิศวกรออกแบบที่จะต้องเน้นให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใหม่ ตามปรัชญา “Fun to drive” หรือการขับขี่ที่สนุนสนาน ผสานกับแนวคิด “YET” ดั้งเดิมซึ่ง แอลเอส คือ เรือธงที่นำแนวคิดนี้มาใส่ไว้ในการออกแบบ

เส้นสันที่สอดรับกันตั้งแต่กระจังด้านหน้าจรดกันชนด้านท้าย ทำให้ แอลเอสจึงมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน(Cd)ที่ต่ำเพียง 0.28 เท่านั้น โดยมีระดับความสูงรวมเตี้ยลงกว่ารุ่นก่อนหน้า 15 มิลลิเมตร ส่วนฐานล้อยาวกว่าเดิม 35 มิลลิเมตร โดยการออกแบบคำนึงถึงการกระจายน้ำหนักตัวรถให้มีความสมดุลมากที่สุด


ขณะที่การออกแบบภายในนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของ แอลเอส ด้วยการคัดสรรวัสดุที่เรียกว่าเป็นที่สุดของที่สุด มีให้เลือกได้ตามความต้องการตามรุ่นย่อย ซึ่งมีรายละเอียดมากเกินกว่าจะบรรยายได้หมดในที่นี้ จุดเด่นอีกประการนอกจากคุณภาพวัสดุคือ การตัดเย็บหลังและการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยช่างฝีมือที่เลือกเฉพาะระดับที่เก่งที่สุดในบริษัทมาเป็นผู้ดำเนินการประกอบ รวมไปถึงการตรวจสอบหลังประกอบเสร็จจากช่างระดับชำนาญการพิเศษเพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานเลกซัส


นุ่มเงียบ ขับสนุก หลับสบาย

มาถึงช่วงของการทดลองขับทางเลกซัส กำหนดให้เราเริ่มจากลานจอดรถแถวๆ สะพานโกลเด้น เกต โดยกำหนดจุดหมายปลายทางคือ สกายวอร์คเกอร์ แรนช์ รวมระยะทางกว่า 100 กม. คันแรกที่เราได้ทดลองขับเป็นรุ่น แอลเอส500เอช ตัวไฮบริด สีแดง ทีมงานวางกุญแจไว้ให้พร้อมในรถ พร้อมแล้วสำหรับการเดินทาง

ความรู้สึกแรกที่ได้เข้ามาในห้องโดยสาร เหมือนอยู่ในอากาศยาน มีปุ่มมากมาย แต่จัดวางอย่างลงตัวดูเรียบง่ายไม่เป็นปัญหาในการใช้งานแต่อย่างใด ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็ทำความคุ้นเคยได้ โดยเฉพาะปุ่มคอนโทรลตรงคอนโซลกลางใช้งานสะดวกเหมือนการเล่นไอแพดหรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเราดีๆ นี่เอง

แตะคันเร่งออกตัว นุ่มนวลสมชื่อเรือธงของค่ายเลกซัส การเปลี่ยนเกียร์นุ่มเนียน เมื่อขับถึงช่วงที่ใช้ความเร็วได้ เรากดคันเร่งคิกดาวน์รอบเครื่องพุ่งทะยานความเร็วรถก็ขึ้นตาม แตะที่ 160 กม./ชม. ได้ไม่ยากเย็น จังหวะเร่งแซงทันใจ แม้ตัวรถจะมีน้ำหนักตัวถึง 2 ตันกว่า ก็ขับสนุกได้ทุกย่านความเร็ว

จุดเด่นประทับใจเราที่สุด คือความเงียบของห้องโดยสารขณะรถวิ่ง ความเร็วส่วนใหญ่ที่เราใช้อยู่ระหว่าง 90-140 กม./ชม. ไม่มีเสียงให้รบกวนใจ แต่อย่างใด การทรงตัวมั่นคงอุ่นใจได้ตลอดเส้นทาง เราลองปรับโหมดจาก อีโค ไปหาคอมฟอร์ต และเปลี่ยนไปที่สปอร์ต โดยรวมชอบโหมดคอมฟอร์ตมากที่สุด ให้ความรู้สึกสบายและลงตัว

เมื่อถึงจุดหมายเราได้เปลี่ยนมาขับรุ่น แอลเอส500 ตัวเครื่องยนต์เทอร์โบ วิ่งออกไปร้านขายชีสบนถนนเล็กๆ นอกเมือง การตอบสนองขับสนุกกว่ารุ่นไฮบริด กดคันเร่งคิกดาวน์ตัวรถพุ่งทะยานไปด้วยแรงดึงแบบหลังติดเบาะเบาๆ ตามสไตล์รถหรู ที่ไม่กระชากกระชั้น แรงแบบมีรสนิยม

หลังจากขับเป็นที่พอใจลองเปลี่ยนสลับมานั่งด้านหลังดูบ้าง การนั่งเบาะหลังของเลกซัส แอลเอส ทำให้เราพบกับคำว่า ความสุนทรีแห่งการเดินทางที่แท้จริงเป็นอย่างไร ด้วยความเงียบของห้องโดยสาร เบาะนั่งแบบเฟิร์สคลาสที่สามารถปรับเอนนอน และปรับเบาะหน้าให้เลื่อนพับเก็บไปทำให้เราเหยียดขาได้สุด พร้อมกับระบบเบาะนวดที่มีทั้งร้อนและเย็น เรียกว่าสบายจนเคลิ้มหลับไปไม่รู้ตัว

เหนืออื่นใด หากคุณไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เราขอแนะนำออพชันพิเศษคือ การอัพเกรดชุดเครื่องเสียงจากมาตรฐานลำโพงไพโอเนียร์ ยกระดับเป็น “มาร์ค เลวินสัน” ท่านได้จะพบกับโฮมเธียร์เตอร์ชั้นเลิศที่มาพร้อมระบบเสียงแบบ 3D แล้วท่านจะได้รู้ว่าเครื่องเสียงรถยนต์มีดีไม่แพ้เครื่องเสียงบ้าน ทั้งนี้ต้องขอบคุณฝีมือการสร้างสรรค์ร่วมกันของทีมวิศวรเลกซัสและ มาร์ค เลวินสัน ที่ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่

เหมาะกับใคร

คำตอบของคำถามนี้คือ 99.99% ของคนที่ซื้อเลกซัส แอลเอส ในเมืองไทยทุกคนผ่านการใช้งานรถยนต์จากผู้ผลิตสัญชาติยุโรปมาแล้วทั้งสิ้น ก่อนที่จะมาจบลงด้วยการใช้งานเลกซัส แอลเอส กับสนนราคาค่าตัวเกินกว่า 10 ล้านบาท ประเด็นคงไม่ใช่เรื่องของราคาแต่เป็นคุณค่าแห่ง สุนทรีภาพในการขับขี่ ที่ เลกซัส แอลเอส ติดตรึงไว้ในดวงใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น