xs
xsm
sm
md
lg

ลองขี่ “Multistrada1200S” ออฟชั่นเหมาจ่าย ซื้อแล้วใช้ให้คุ้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคยไหม เวลาจะเลือกซื้อบิ๊กไบค์สักหนึ่งคัน หัวข้อหรือจุดประสงค์การนำไปใช้งานช่างมีมากมายหลายสิ่ง บางครั้งก็มากจนไม่รู้ตัวเองว่าต้องการรถประเภทไหนกันแน่

ยกตัวอย่างส่วนใหญ่ที่อยากได้ความอเนกประสงค์มักต้องการหารถขี่เล่นหล่อๆ ใช้งานในเมืองหรือในชีวิตประจำวัน อาจมีขี่เที่ยวบ้างช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือใช้ออกทริปเดินทางไกล ลุยทางฝุ่นเลอะดินบ้างเป็นบางโอกาส รวมไปถึงเหตุผลอีกร้อยแปดหรืออะไรก็ตามที่จะนึกถึงก่อนตัดสินใจควักกระเป๋าจ่ายในที่สุด

แต่สุดท้ายก็ไม่มีรถคันไหนสามารถตอบสนองให้ได้หมดครบถ้วนอย่างที่ใจต้องการ

จะดีไหมถ้ามีตัวเลือกที่น่าสนใจและอาจจะตอบโจทย์ความต้องการตรงส่วนนี้ได้ในระดับหนึ่ง จากการรวมบุคลิกของรถ 4 ประเภทเข้าไว้ด้วยกันหรือ 4 Bikes in 1 ตามด้วยรหัสS ต่อท้ายที่มาพร้อมออฟชั่นแบบเหมาจ่าย เรียกได้ว่าชูจุดขายคันเดียวจบ ครบทุกความต้องการ

...อย่าเพิ่งเชื่อถ้ายังไม่ได้ลอง

เร็วๆ นี้ ดูคาติ เอเชีย แฟซิฟิก จัดกิจกรรมทดสอบโมเดลใหม่ล่าสุด “ดูคาติ มัลติสตราด้า 1200 เอส” (Multistrada 1200 S) สนนราคา 1,035,000 บาท (รุ่นธรรมดา 935,000 บาท) โดยเลือกใช้เส้นทางในจังหวัดเชียงรายที่รายล้อมไปด้วยขุนเขา มีทั้งทางตรงขึ้นลงเนิน สลับทางคดโค้งที่หลากหลายให้พิสูจน์สมรรถนะกันอย่างเต็มอิ่ม ภายใต้ระยะทางรวมประมาณ 320 กม.
David James
ก่อนออกเดินทางทีมงานค่ายสีแดงนำโดย David James -Director of Marketing Asia ผู้ดูแลการทำตลาดในภูมิภาคเอเชียรวม 15 ประเทศ กล่าวแนะนำสรรพคุณของตัวเลือกสปอร์ตทัวริ่งโฉมปี 2016 ว่ามีที่เทคโนโลยีอะไรบ้างที่พัฒนาขึ้นมานอกเหนือจากโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ (Sport, Touring, Urban และ Enduro) ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นเด่นที่มีอยู่เดิม ตลอดจนความพิเศษของรุ่นย่อยที่มีรหัสต่อท้ายพ่วงเข้ามา

สำหรับหลักใหญ่ใจความของการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ขุมพลังขับเคลื่อนแบบแอล-ทวิน ขนาด 1,198 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด อัพเกรดประสิทธิภาพด้วยระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสียหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าระบบ DVT (Desmodromic Variable Timing) ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 9,500 รอบต่อนาที(เดิม 150 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 136 นิวตัน-เมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที (เดิม 124.5 นิวตัน-เมตร) พร้อมอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 8%


ในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานติดรถยังคงจัดเต็มความปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS ที่มากับลูกเล่นใหม่ Cornering ABS, Traction Control, Wheelie Control และเสริมความสะดวกสบายด้วยระบบล็อกความเร็ว Cruise Control

ขณะที่เวอร์ชั่นเอสต่อท้ายจะเหนือกว่าด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ TFT LCD ซึ่งให้รายละเอียดแตกต่างกันออกไปในแต่ละโหมดการขับขี่, ระบบส่องสว่าง Full-LED headlights พร้อมระบบไฟเลี้ยว Ducati Cornering Lights (DCL), ระบบเบรกหน้าใช้ดิสก์คู่ขนาด 330 มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์รุ่น M50 (รุ่นปกติขนาด 320 มิลลิเมตร), ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ขณะขับขี่ Ducati Multimedia System (DMS) และระบบช่วงล่างหน้า-หลัง ปรับการทำงานอัตโนมัติตามสภาพถนน Ducati Skyhook Suspension Evo


ทั้งนี้การเลือกใช้ระบบต่างๆ สามารถปรับตั้งค่าได้เบ็ดเสร็จจากสวิตซ์แฮนด์ฝั่งซ้ายเพียงฝั่งเดียว ทั้งขณะรถจอดนิ่งหรือล้อหมุนก็ตาม (ยกเว้น Cruise Control) ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความปลอดภัยคลายกังวลว่า ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสมาธิจากมือขวาที่กำลังทำหน้าที่ควบคุมคันเร่งก็ได้

ขณะเดียวกันรูปร่างหน้าตามีการปรับโฉมให้มีความดุดันและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในภาพรวมยังไม่แตกต่างจากโมเดลปีก่อนหน้ามากนัก หรือว่ากันตามจริงสำหรับคนที่ไม่ใช่สาวกดูคาติ หากไม่ตั้งใจสังเกตุ อาจไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ

สำหรับการลิ้มลองสมรรถนะ สัมผัสแรกก็รับรู้ได้ถึงการปลดปล่อยพลังที่นุ่มนวลกว่าเดิม ส่งผลให้การควบคุมทำได้เชื่องมือมากขึ้น โดยเฉพาะในย่านความเร็วต่ำเมื่อเทียบกับโฉมเก่า เนื่องจากรู้สึกถึงรอบเครื่องยนต์ที่เดินเรียบสม่ำเสมออย่างชัดเจน เช่นเดียวกับเอ็นจิ้นเบรกขณะถอนคันเร่งก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งด้านท่านั่งคงความสะดวกสบายเหมือนเคย แถมมีออฟชั่นให้เลือกปรับความสูงเบาะได้ 2 ระดับ คือ 825 มิลลิเมตร และ 845 มิลลิเมตร อีกด้วย

การใช้งานขับขี่ภายใต้รูปแบบขบวนท่องเที่ยวด้วยความเร็วเฉลี่ย 100-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีจังหวะได้ลองอัตราเร่งช่วงทางตรงยาว พร้อมทดสอบการยึดเกาะถนนของระบบช่วงล่างบนเส้นทางคดโค้ง ต้องยอมรับว่าทุกรายละเอียดตอบสนองการขับขี่ได้อย่างน่าทึ่ง


ส่วนจุดเด่นโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบที่เป็นเครื่องหมายการค้าของสปอร์ตทัวริ่งอเนกประสงค์รุ่นนี้ ซึ่งเราเคยหลงใหลประสิทธิภาพจากกิจกรรมทดสอบเมื่อ 3 ปีก่อน มาครั้งนี้ก็ยังคงยืนยันว่าเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยให้ชีวิตไบค์เกอร์มีความสะดวกสบายขึ้นเยอะ

ยิ่งเพิ่มออฟชั่นจัดเต็มแบบเหมาจ่ายในตัวเลือกเวอร์ชั่นเอสยิ่งคุ้มค่าน่าใช้ แต่จะใช้คุ้มหรือไม่ คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับผู้เป็นเจ้าของว่าจะนำไปใช้งานจริงได้ในระดับไหน

ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ซื้อมาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม ไม่งั้นเสียดายของแย่

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น