ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “หอยเชอรี่สีทอง” สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่เกษตรกรเริ่มหันมาเลี้ยงเป็นรายได้เสริม ความนิยมบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีโปรตีนสูง ต้นทุนเลี้ยงต่ำ โดยเจ้าของอู่แห่งหนึ่งในขอนแก่นใช้พื้นที่ไม่ถึง 100 ตารางวาทำฟาร์มหอยเชอรี่ ทั้งขายเพื่อเป็นอาหาร และขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้ผู้สนใจนำไปขยายพันธุ์เพาะเลี้ยงหารายได้เพิ่ม
“หอยเชอรี่สีทอง” เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่เริ่มมีการเลี้ยงเชิงธุรกิจกันมากขึ้นในทุกภาคของประเทศ แนวโน้มความนิยมบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นหอยที่มีโปรตีนสูงและต้นทุนการเลี้ยงต่ำ จุดเด่นของหอยเชอรี่สีทอง เนื้อจะนุ่ม ไม่เหนียวเหมือนหอยเชอรี่ทั่วไป เนื้อจะเป็นสีเหลือง เปลือกจะเป็นสีเหลือง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เป๋าฮื้อน้ำจืด” สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้ง ลวกจิ้ม ผัด ทอด ลาบ ก้อย ยำ แกงคั่ว
ที่ จ.ขอนแก่นเองก็มีฟาร์มเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองเช่นกัน ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักก็มีเลี้ยงอยู่ที่ฟาร์ม “น้ำหนึ่งฟาร์มหอยเชอรี่สีทองขอนแก่น” ตั้งอยู่ริมถนนมะลิวัลย์ บ้านโสกม่วง หมู่ 3 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง
“ฟาร์มหอยเชอรี่แห่งนี้เพาะเลี้ยงเพื่อขายให้ลูกค้าที่สนใจซื้อไปรับประทาน หรือจะซื้อไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ต่อก็ได้ ทำมาแล้วเกือบ 2 ปี มีรายได้เฉลี่ยสัปดาห์ละประมาณ 4,000 บาท ทุกวันนี้เพาะขยายพันธุ์ขายแทบไม่ทันความต้องการของลูกค้า” นางสาวสุภาพร ป้องรอด อายุ 39 ปี เจ้าของฟาร์มหอยเชอรี่น้ำหนึ่งเปิดเผย และเล่าต่อว่า
ครอบครัวของตนมีอาชีพหลักคือเปิดอู่ซ่อมรถยนต์ใน ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง กระทั่งเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ได้ไปซื้อพ่อแม่พันธุ์หอยเชอรี่สีทองจากกลุ่มผู้เลี้ยงหอยที่โพสต์ขายผ่านเฟซบุ๊กมาเลี้ยงไว้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเลี้ยงไว้ทำกินเป็นอาหารในครอบครัวเท่านั้น เพราะตนเป็นคนที่ชื่นชอบการรับประทานหอยอยู่แล้ว เริ่มแรกเลี้ยงในบ่อพลาสติก เลี้ยงไปได้สักพักปรากฏว่าหอยที่ซื้อมาเลี้ยงมีการขยายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น จึงได้ถ่ายภาพลงขายในเฟซบุ๊กกลุ่ม ทำให้มีคนสนใจติดต่อขอซื้อไปรับประทาน หลังจากนั้นก็มีติดต่อซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จึงตัดสินใจใช้ที่ดินที่มีอยู่ 78 ตารางวาทำเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์และเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองอย่างจริงจัง สร้างเป็นโรงเรือนมุงด้วยผ้าสแลนสีดำ สูงประมาณ 3-4 เมตร ด้านล่างสร้างเป็นบ่อปูนซีเมนต์ ขนาด 2.5 x 2.00 เมตร ความสูงบ่อประมาณ 1 เมตร จำนวน 8 บ่อ วางติดกัน แบ่งเป็นบ่อเลี้ยงหอยไซส์ขุน จำนวน 4 บ่อ และบ่อไซส์พ่อแม่พันธุ์ จำนวน 4 บ่อ พร้อมติดตั้งระบบเติมน้ำและระบายน้ำออกจากบ่อ รวมเงินที่ลงทุนไปประมาณ 80,000 บาท
ส่วนขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แค่เตรียมบ่อเลี้ยงให้พร้อม เติมน้ำในบ่อให้สูงราว 30-40 ซม. นำแหนหรือพืชน้ำใส่ลงในบ่อ จากนั้นนำพ่อแม่พันธุ์หอยเชอรี่สีทอง มาเลี้ยงในบ่อเดียวกัน หลังหอยเชอรี่ผสมพันธุ์ก็จะขึ้นมาวางไข่บริเวณผนังบ่อ จากนั้นประมาณ 7-14 วัน ไข่หอยเชอรี่เปลี่ยนเป็นสีออกน้ำตาลเข้ม เราก็แกะเอาไข่หอยไปอนุบาลในบ่อแยก ประมาณ 45 วันจึงจะนำมาเลี้ยงในบ่อไซส์ขุน และเริ่มให้อาหารเป็นอาหารเม็ดปลาดุกขนาดเล็ก และแหนแดง รวมทั้งพืชน้ำทุกชนิด วันละ 1 ครั้ง เปลี่ยนน้ำในบ่อทุก 5 วัน
หอยที่โตเต็มที่สามารถนำไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้ จะเป็นหอยที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ก็จะย้ายไปเลี้ยงไว้ในบ่อพ่อแม่พันธุ์พร้อมขาย ซึ่งการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองนี้ สามารถขายได้ตั้งแต่ไข่ของหอย 20 รัง ราคา 300 บาท, ไซส์ขุน ขายตัวละ 3-10 บาท ส่วนพ่อแม่พันธุ์ ขายในราคาคู่ละ 60-100 บาท แล้วแต่ขนาด ซึ่งนอกจากจะนำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์แล้ว ยังสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู
นางสาวสุภาพรบอกอีกว่า ตั้งแต่ที่เพาะเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองมากว่า 1 ปี ทำให้ครอบครัวของตนเองมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ สามารถนำเงินจากการขายหอยเชอรี่ไปบริหารจัดการงานในอู่ซ่อมรถยนต์ได้ด้วย และตนตั้งใจจะให้ฟาร์มแห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ให้ผู้ที่สนใจนำไปเพาะเลี้ยงเป็นอาชีพอีกด้วย