ลพบุรี - ตำรวจภูธรลพบุรี ปล่อยแถวระดมกวาดล้าง กวดขันวินัยจราจรช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ และโชว์ผลงาน กวาดล้างจับยาบ้าได้กว่า 1 ล้านเม็ด ตาม ยุทธการพิฆาตเครือข่ายยาเสพติด
วันนี้ (24 ธ.ค.) ทีหน้าสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ร่วมกันปล่อยแถวตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมทั้งอาสาสมัคร เพื่อระดมกำลังป้องกัน และกวาดล้างอาญากรรม รวมทั้งการรักษาวินัยจราจรในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ เพื่อดูแลประชาชนให้ปลอดภัยจากการก่ออาชญากรรม และการจราจร หลังจากนั้น ได้ร่วมแถงข่าวจากการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ โดย พ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น และ พ.ต.อ.ภูการวิก โชติกเสถียร รองผบบ.ก.ภ.จว.ลพบุรี กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี แถลงผลการจับกุม
โดยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ลพบุรี ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ภายในพื้นที่ โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนทราบว่า มีนายอมรเทพ ปานถม หรือกลุ่มอาท บางคู้ มีการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บไว้เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าในเขตพื้นที่ จ.ลพบุรี และได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายนายจีระพัฒน์ หรือหนึ่ง ได้พร้อมของกลางยาบ้า ได้ที่บ้านเลขที่ 137 หมู่ 9 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยนายจีระพัฒน์ เป็นเครือข่ายยาเสพติดของนายอมรเทพ และจากการสอบสวนขยายผลทราบว่า ยาเสพติดส่วนใหญ่ซุกซ่อนอยู่ที่บ้านพักนักการภารโรง เลขที่ 77 หมู่ 10 ต.บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและวางแผนเข้าทำการตรวจค้นจับกุม จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายอมรเทพ หรืออาท ปานถม ได้ที่บ้านพักนักการภารโรงดังกล่าว พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,373,200 เม็ด ยาไอซ์ 1 ถุง น้ำหนัก 97 กรัม อาวุธปืนพกสั้น จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดขว้างสังหารบุคคล จำนวน 1 ลูก จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ นายอมรเทพฯ ให้การรับสารภาพว่ายาเสพติดดังกล่าวข้างต้นที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นเป็นของตนเอง
โดยมีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่เป็นผู้ว่าจ้างให้เก็บรักษาและจำหน่ายให้ลูกค้าตามคำสั่ง ซึ่งนายอมรเทพ ได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ส่วนอาวุธปืนสั้นได้ซื้อมาจากชายไทยไม่ทราบชื่อสกุล มานานประมาณ 7-8 ปี ในราคา 3,000 บาท และลูกระเบิดซื้อมาในราคา 400 บาท ส่วนอาวุธปืนลูกซองยาว เป็นของบิดานายอมรเทพ ซึ่งเสียชีวิตแล้วเมื่อปี 2553 โดยนายอมรเทพ เป็นผู้เก็บรักษาและยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวพร้อมนำของกลางจัดทำบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าวุ้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และอีก 1 ราย เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. พ.ต.อ.ดิเรก แจ่มสุธี รักษาราชการแทนผู้กำการสถานีตำรวจภูธรเพนียด ลพบุรี ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายสิทธิพร หรือสน แต้มฉิม อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 209 ม.3 ต.สะแกราบ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี โดยกล่าวหาว่า พยายามจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 15,900 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียน 1 ขร 2079 กรุงเทพ จำนวน 1 คัน จับกุมได้ที่ริมถนนสาธารณะสี่แยกวังเพลิง มุ่งหน้าไป ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พัฒนานิคม ได้ร่วมกันจับกุมตัว 1.นายสมาน หรือเต่า ศิริสลุง และ 2.น.ส.วารี หรือหยี๋ สุขประเสริฐ พร้อมของกลาง ยาบ้ารวม 6,000 เม็ด อาวุธปืนพกสั้นขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืน รวมจำนวน 22 นัด โดยกล่าวหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อกล่าวหา นายสามาน เพิ่มเติมว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการสอบสวนขยายผลทั้งสองให้การรับว่า ยาบ้าจำนวนดังกล่าวข้างต้นได้ซื้อมาจากนายสิทธิพร หรือสน แต้มฉิม ซึ่งนัดส่งยาบ้ากันที่สี่แยกวังเพลิง ต.วังเพลิง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ลพบุรี ร่วมกันเข้าทำการล่อซื้อ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการล่อซื้อจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายสิทธิพร หรือสน ได้ที่สี่แยกวังเพลิง พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 15,900 เม็ด ตรวจค้นพบซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าผ้าสีดำ วางอยู่ด้านฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า ในรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียน 1 ขร 2079 กรุงเทพ ที่นายสิทธิพร หรือสน เป็นคนขับมา จากการสอบถามแล้วให้การรับว่า ยาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองจริง และได้รับซื้อมาจากนายบัง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง บ้านอยู่ที่ จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวและสิทธิในชั้นจับกุมให้ทราบ พร้อมจัดทำบันทึกและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เพนียด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป