นครพนม - คลังจังหวัดนครพนมเร่งสอบสวนขยายผลหลังจับกุมเจ้าของร้าน “วงษ์พาณิชย์” ร้านธงฟ้าฉวยโอกาสรับแลกเงินสดโครงการเราชนะพร้อมหักหัวคิวร้อยละ 10 พบหลักฐานผู้ใช้บริการเกือบ 400 ราย มีการเหมาจ่ายเป็นงวด เสนอ ก.คลังเอาผิดอาญาข้อหาฉ้อโกง เรียกเงินคืน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท พ่วงเอาผิดผู้ใช้บริการ เตือนร้านค้าในโครงการอย่าฉวยโอกาส เอาผิดจริง มีโทษสูงสุดทั้งจำทั้งปรับ
จากกรณีวันที่ 19 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คลังจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหมายศาลจังหวัดนครพนม ที่ ค.163/2564 เข้าตรวจค้นร้านค้า “ร้านวงษ์พาณิชย์” เลขที่ 49/1 บ้านนาแค หมู่ 8 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มีนางคำจันทร์ คำเงิน อายุ 61 ปี เป็นเจ้าของร้านค้าที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการธงฟ้า รับแลกซื้อสินค้า บัตรประชารัฐ และโครงการเราชนะ ที่รัฐบาลออกมาตรการมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่พบการกระทำผิดฉวยโอกาสรับแลกขึ้นเงินสดจากประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ พร้อมหักหัวคิวเป็นเงินสดแทนการแลกซื้อสินค้า เป็นเงินร้อยละ 10 โดยมีการเหมาจ่ายล่วงหน้า และเก็บบัตรลูกค้าไว้รูดเป็นเงินทำเป็นระบบ เชื่อว่าทำมานาน มีทั้งลูกค้าประจำ และขาจร เป็นการกระทำผิดกฎหมายตามมาตรการของรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังตรวจยึดเอกสารหลักฐานหลายรายการในการกระทำความผิด ที่สำคัญตรวจสอบพบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของประชาชนที่นำมาใช้สิทธิจำนวน 393 ใบ จึงตรวจยึดเป็นหลักฐานนำมาสอบสวนขยายผลพิจารณาเอาผิดตามกฎหมาย
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 มี.ค.) นางสุธิษา จารุเมธาวิทย์ คลังจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เบื้องต้น ทางคลังจังหวัดนครพนมได้สอบสวน สรุปข้อมูลหลักฐานเสนอไปยังกระทรวงการคลัง ผู้มีอำนาจเอาผิด เพื่อนำหลักฐานเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีในท้องที่เกิดเหตุ ที่ สภ.ท่าอุเทน โดยข้อหาหลักคือ เจ้าของร้านมีความผิดอาญาฐานฉ้อโกง รวมถึงความผิดทางแพ่งให้ชดใช้ตามวงเงินที่เกิดความเสียหาย ประมาณการไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ในช่วงที่มีการกระทำผิด
เบื้องต้นได้เพิกถอนสิทธิร้านค้าออกจากโครงการ ส่วนคดีอาญา และแพ่ง หากทางร้านยินยอมชดใช้เงินคืนสามารถยอมความได้ เพราะทางภาครัฐไม่มีเจตนาจะเอาผิดหากมีการชดเชยเงินคืน แต่ต้องเพิกถอนสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการ ส่วนบุคคลที่ไปใช้สิทธิจะมีการพิจารณาตามเหตุผลและพยานหลักฐาน ซึ่งอาจจะได้รับคืนสิทธิภายหลังการสอบสวนแล้วเสร็จ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาดำเนินคดีต่อทางร้านที่กระทำผิดด้วย
“อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนที่ได้รับสิทธิ ให้ใช้สิทธิตามวัตถุประสงค์ที่ทางรัฐบาลต้องการช่วยเหลือภาระค่าครองชีพ และห้ามบุคคลที่เป็นร้านค้าประกอบการฉวยโอกาสแลกขึ้นเงินสดเพื่อเรียกหัวคิว หากตรวจสอบพบจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ทั้งเอาผิดอาญาข้อหาฉ้อโกง รวมถึงเรียกชดเชยเงินคืนทางแพ่ง” นางสุธิษากล่าว
