xs
xsm
sm
md
lg

16 องค์กรเครือข่ายเกษตรทางเลือกอุบลฯ ร้อง “บิ๊กตู่” แบน 3 สารเคมีอันตราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ตัวแทน 16 องค์กรเครือข่ายเกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืนอุบลราชธานี ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการ จ.อุบลราชธานี เรียกร้องหยุดการใช้ 3 สารเคมีอันตราย
อุบลราชธานี - ตัวแทน 16 องค์กรเกษตรทางเลือกจังหวัดอุบลราชธานี ยื่นหนังสือเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แบน 3 สารเคมีอันตราย ลดการปนเปื้อนแปลงเกษตรอินทรีย์ ซึ่งทำมากว่า 10 ปี แต่น้ำท่วมครั้งเดียวหายไปกับตา

วันนี้ (18 ต.ค. 62) ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ตัวแทน 16 องค์กรเครือข่ายเกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืนอุบลราชธานี กว่า 20 คน รวมตัวยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีผ่านนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเรียกร้องหยุดการใช้สารพิษอาบแผ่นดิน ซึ่งประกอบด้วยพาราควอต, ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ในภาคการเกษตร

ปัจจุบันพบว่าภาคเกษตรกรรมของไทยมีการใช้สารเคมีฆ่าศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิดอย่างกว้างขวาง และเกษตรกรที่ไม่มีความรู้ ก็ไม่ได้ตระหนักต่อสารตกค้างในร่างกาย จนมีผลร้ายต่อสุขภาพเกษตรกรผู้ใช้ และส่งผลต่อไปถึงผู้บริโภค รวมทั้งสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่มีการใช้และพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ทำให้เกิดปัญหากับการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะเกิดการปนเปื้อนสารเคมีจากพื้นที่ที่มีการใช้สารดังกล่าว แม้การทำเกษตรอินทรีย์พยายามทำแนวกันชนอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ จังหวัดอุบลราชธานีได้รับการสนับสนุนงบประมาณการทำการเกษตรอินทรีย์ทั้งจากงบพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ทำให้มีพื้นที่ใช้ทำเกษตรอินทรีย์คุณภาพอย่างกว้างขวาง และสามารถผลิตอาหารส่งขายไปต่างจังหวัดและต่างประเทศปีหนึ่งมูลค่าหลายพันล้านบาท

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืนอุบลราชธานี เห็นว่าการกำจัดแมลงศัตรูพืช โรคพืช และวัชพืช ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีเพียงอย่างเดียว เกษตรกรสามารถเลือกใช้วิธีการอื่นๆ เช่นการไถพรวนปลูกพืชคลุมดิน ทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ สารชีวภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งได้ผลดีและไม่มีสารตกค้างทั้งในดิน ในน้ำ หรือในผลผลิตทางการเกษตร

ตรงข้ามเกษตรกรที่ใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว จากผลวิจัยพบว่ามีสารตกค้างเป็นอันตรายกับตัวเกษตรกร สัตว์ในดิน สัตว์ในน้ำ และสิ่งแวดล้อม ทำให้กลุ่มประเทศยุโรป รวมถึงสหรัฐอเมริกา และประเทศเอเชียที่อยู่ใกล้ประเทศไทย เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ได้ประกาศห้ามใช้เคมีดังกล่าวในการทำเกษตรกรรมแล้ว


จึงขอให้รัฐบาลยกเลิกการนำเข้าสารเคมีทั้ง 3 ตัว คือ พาราควอต, ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เพื่อลดการสูญเสียเงินตราให้ต่างประเทศจำนวนหลายหมื่นล้านบาทต่อปี สนับสนุนให้ผืนแผ่นดินไทยกลับมาปลอดจากสารพิษ เกษตรกรมีสุขภาพแข็งแรง ประชาชนได้บริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คืนสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ธรรมชาติ และเกิดความหลากหลายทางชีวภาพในผืนแผ่นดินของประเทศไทย

ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ บุญญะบาล ผู้ประสานงาน 16 องค์กรเครือข่ายเกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืนอุบลราชธานี ได้กล่าวถึงผลกระทบของสารเคมีทั้ง 3 ชนิดที่มีต่อพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ว่าที่ผ่านมาเกิดการปนเปื้อนโดยฟุ้งกระจายมาทางอากาศขณะนำมาใช้ และยากแก่การทำแนวป้องกันหากยังใช้กันอยู่ อีกส่วนปนเปื้อนมากับน้ำ เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมาเกษตรกรไม่สามารถทำแนวป้องกันแปลงเกษตรอินทรีย์ไว้ได้เลย ทำให้สิ่งที่เกษตรอินทรีย์ทำมานับสิบปีหายไปทันที รัฐบาลจึงต้องหยุดการใช้สารเคมีเหล่านี้ทันที

ต่อมานายเธียรชัย พุทธรังสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ลงมารับหนังสือและรับปากกับผู้แทน 16 องค์กรเครือข่ายเกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืนอุบลราชธานี เพื่อส่งข้อเรียกร้องและความเห็นไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้รับทราบต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น