ตาก - หน่วยกู้ภัยอำเภอท่าสองยางพร้อมเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 วันเดินทางข้ามเขาค้นหาเหยื่อ 2 รายถูกดินโคลนถล่มหมู่บ้านชาวไทยกะเหรี่ยง ล่าสุดพบแล้ว 1 ศพจมกองโคลนลึก 1 เมตร ชาวบ้านยังขวัญผวาขอให้ยุติค้นหาอีกราย เกรงดินถล่ม
วันนี้ (8 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุการณ์ฝนตกหนักนานกว่า 5 วัน จนทำให้เกิดน้ำป่าดินโคลนจากยอดภูเขาสูงไหลถล่มหมู่บ้านกะเหรี่ยง บ้านเคาะทีโค๊ะ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ทำให้มีบ้านเรือนประชาชนถูกทั้งน้ำป่าพัดและถูกดินโคลนภูเขาจำนวนมากไหลถล่มทับซ้ำจนบ้านพังเสียหายหลายหลังและมีผู้สูญหาญ 2 ราย ทราบชื่อคือ นางโทะเด นันทวัฒน์มงคล อายุ 57 ปี และนางสาวเจ่มึ นันทวัฒน์มงคล อายุ 31 ปี ทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน
เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทั้งหมดต้องเดินเท้าระยะทางไกลนับสิบกิโลเมตรใช้เวลานานหลายชั่วโมงท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนมีทั้งฝนตกหนัก ลมแรง และหมอกหนาทึบเกือบตลอดเส้นทาง กำลังทั้งหมดสามารถเดินเท้าและขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปมอบให้ชาวบ้านที่ทั้งหมดหลบภัยอยู่ที่อาคารเรียนกลางหมู่บ้านซึ่งไร้ไฟฟ้า จนความช่วยเหลือส่งถึงชาวบ้านทำให้ทุกคนมีกำลังใจดีขึ้น
หน่วยกู้ชีพมูลนิธิเพชรเกษมเขตอำเภอท่าสองยาง อาสาสมัครภาคประชาชนใจถึงใจ ฝ่ายปกครองอำเภอท่าสองยาง ทหารพรานที่ 35 และตำรวจสนธิกำลังนับร้อยนาย ได้เร่งเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยโดยมีการขนอาหารแห้ง ยารักษาโรค และอุปกรณ์กู้ภัยเท่าที่จำเป็น เพราะพื้นที่ไม่สามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้เนื่องจากดินสไลด์ปิดเส้นทางและเป็นภูเขาลาดชัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตั้งกองอำนวยการชั่วคราวแบ่งกำลังกระจายกันเร่งออกค้นหาตัวสองผู้สูญหายโดยทันที จนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงเจ้าหน้าที่จึงสามารถพบศพนางสาวเจ่มึ นันทวัฒน์มงคล อายุ 31 ปี เสียชีวิตจมกองดินโคลนหนากว่า 1 เมตรใต้ซากบ้านที่พังหลายหลัง เจ้าหน้าที่จึงเร่งขุดดินโคลนสามารถนำศพออกจากจุดดินถล่มมาทำการชันสูตรที่กองอำนวยการชั่วคราวได้สำเร็จ
ส่วนอีกหนึ่งศพที่ยังคงสูญหาย ทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ประสงค์ที่จะให้ค้นหาต่อเพราะจุดเกิดเหตุยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดดินถล่มซ้ำเนื่องจากมีฝนตกหนัก เจ้าหน้าที่จึงนำศพที่ขุดพบ 1 รายไปประกอบพิธีทางศาสนาและทำการฝังที่ท้ายหมู่บ้านท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน
หลังปฏิบัติการค้นหานานกว่า 48 ชั่วโมงแล้วเสร็จ ล่าสุดขณะนี้หน่วยกู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษมสาขาหัวหินได้นำข้าวสารอาหารแห้งและยาที่จำเป็นมามอบให้ชาวบ้านที่ยังคงหลบภัยอยู่ที่อาคารเรียนชั่วคราวกลางหมู่บ้านซึ่งเป็นที่ปลอดภัยโดยไม่มีไฟฟ้าใช้ต้องใช้ตะเกียงเวลากลางคืนและการติดต่อสื่อสารก็ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งชาวบ้านหลายคนยังขวัญผวาและยังไม่กล้าเข้าไปในจุดเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคอยดูแลปรับสภาพจิตใจและช่วยเหลือชาวบ้านจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายหรือเข้าสู่ภาวะปกติ
