พิษณุโลก - แกะรอยโครงการพัฒนาที่ดิน อดีต ส.จ.ดังลพบุรีโหนกระแสสี่แยกอินโดจีน ผุดอาคารพาณิชย์-แผงลอย หวังโกยเงิน 300 ล้าน สุดท้ายจุดไม่ติดกลายเป็นโครงการร้างมานับ 10 ปี-ลูกค้าซื้อแล้วโอนไม่ได้ แจ้งจับฐานฉ้อโกงซ้ำ
วันนี้ (2 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปี 52 ที่ผ่านมาจังหวัดพิษณุโลกได้ขอใช้ประโยชน์ที่ดินจากกรมทางหลวงบริเวณสี่แยกอินโดจีน ต.สมอแข เนื้อที่ 9 ไร่ และมอบหมายให้ อบจ.พิษณุโลกเป็นผู้ดูแล-สร้างบ้าน 5 หลัง และซุ้มสุ่มไก่ ด้วยมูลค่าเกือบ 10 ล้าน หวังบูมสี่แยกอินโดจีน
ซึ่งยุคนั้นนักธุรกิจภาคเอกชนต่างขานรับลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์ริมสี่แยกอินโดจีนชิดถนนหลวง ขณะที่ ส.จ.โกวิท ยมนา อดีต ส.จ.คนดังลพบุรี ในฐานะประธานโครงการตลาดสี่แยกอินโดจีนที่มีโครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน (ด้านทิศใต้) ก็ได้เกิดโครงการพัฒนาที่ดิน สร้างตึก-อาคารพาณิชย์บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ แบ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 170 ห้อง ราคาห้องละ 3 ล้านบาท, ร้านค้า(แผงลอย) ขนาด 4 คูณ 6 เมตร จำนวน 2,000 ห้อง ซึ่งเปิดขายราคาล็อกละ 3 แสนบาท อ้างว่าโอนโฉนดได้ และแบ่งกรรมสิทธิ์บนที่ดินแก่ผู้ซื้อได้แน่นอน วางเป้าพัฒนาเป็นตลาดผลไม้ ตลาดกลาง จุดพักรถ
นายโกวิทเคยอ้างว่าจะติดต่อนครชัยทัวร์มาแวะพัก โดยจัดพื้นที่ไว้ 3 ไร่รองรับรถทัวร์ และเชื่อมั่นว่าสี่แยกอินโดจีนเป็นทำเลทองที่ดี สะดวกสำหรับรถบรรทุกและนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นเหนือ หากโครงการของ อบจ.พิษณุโลกเดินหน้า ก็มั่นใจว่าตลาดกลางของเอกชนจะคึกคักไปด้วยแน่นอน
ขณะที่อดีตผู้ว่าฯ พิษณุโลกสไตล์ติดดินคนหนึ่งยังเคยนำงบประมาณลงไปโปรโมต ถึงขั้นนำนักมวยชิงแชมป์โลกขึ้นเวทีเพื่อเรียกความสนใจ รวมทั้งเปิดตลาดสี่ภาค และร่วมกับหอการค้า-ภาคธุรกิจชาติต่างๆ เช่น ลาว จีน พม่า ฯลฯ มาร่วมเปิดบูท
ซึ่งทำให้พ่อค้าแม่ขาย-นักธุรกิจรายย่อยทั้งใน-นอกพื้นที่ ตัดสินใจเข้าจับจอง-ผ่อนซื้ออาคารพาณิชย์ และแผงลอยกันอย่างมากหน้าหลายตา
แต่ต่อมากรมทางหลวงได้ขอคืนพื้นที่ 9 ไร่ดังกล่าวเพื่อทำถนนยกระดับข้ามสี่แยกอินโดจีนที่จะแล้วเสร็จไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ทำให้โครงการบูมสี่แยกอินโดจีนของจังหวัดฯ-อบจ.พิษณุโลกต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย กระทบแผนพัฒนาที่ดินเอกชนรอบบริเวณอย่างเลี่ยงไม่พ้น
บรรดาพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนทั่วไปได้ตกลงซื้ออาคารพาณิชย์-แผงลอยโครงการตลาดสดสี่แยกอินโดจีน ม.7 ต.สมอแข ของอดีต ส.จ.คนดังลพบุรี หลายรายจ่ายเงินครบตามสัญญาแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ เนื่องจากเจ้าของโครงการไม่ได้ยื่นขอจัดสรรที่ดินตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน และไม่ยื่นแบ่งโฉนด
นอกจากนี้ยังมีการนำที่ดิน อาคารพาณิชย์ แผงลอย ไปขายต่ออีกสองถึงสามช่วง ทำให้ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อได้ มีกลุ่มผู้เสียหายสูญเสียเงินสดไปร่วม 100 ล้านบาท
น.ส.สังวร เสือสมิง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.4 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ตอนนั้นเห็นการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ในโครงการใกล้จะเสร็จแล้ว มีคนมาชวนซื้อในราคา 2.5 ล้านบาท ก็ได้ตัดสินใจซื้อและจ่ายเงินไปแล้ว 1 ล้านบาท แต่เวลาจะโอนให้ไปเข้าธนาคารกลับไม่สามารถโอนได้เพราะมีคนซื้อห้องเดียวกันถึง 3 คน ก็คือโดนหลอกทั้งหมด
นายสมศักดิ์ พ่วงพร้อม อายุ 55 ปี ผู้เสียหาย อยู่บ้านเลขที่ 149/148-207 ถนนพระราม 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ กล่าวว่า ตนตกลงซื้ออาคารพาณิชย์ราคา 1.5 ล้านบาท จ่ายเงินให้ 3 งวด แต่ปรากฏว่าทางโครงการไม่ยอมดำเนินการก่อสร้างให้ ตนจึงลงทุนสร้างเองหมดเงินเพิ่มอีก 600,000 บาท และยังได้ซื้อแผงลอยในตลาดอินโดจีนอีก 2 ล็อก ราคา 650,000 บาท จ่าย 3 งวดเช่นกัน รวมเงินทั้งหมดที่ตนจ่ายไป 2.7 ล้านบาท
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ติดตามจับกุมตัวนายโกวิท ตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 94/2559 ลงวันที่ 17 มี.ค. 2559 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ได้ที่ร้านตัดผมตลาดท่าหลวง หมู่ที่ 9 ต.ท่าหลวง อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี นำตัวส่ง สภ.เมืองพิษณุโลก-ฝากขังต่อศาลเป็นที่เรียบร้อย เตรียมดำเนินคดีฟ้องเอาผิดตามข้อหาฉ้อโกงต่อไป