ตาก - หนุ่มแม่สอดยืมรถยนต์กระบะนายจ้างมาขับฝ่าสายฝน รถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าหักโค่นปิดถนน-รถพังยับเยิน แต่ไม่ยอมรับว่าขับ แถมอาละวาดต่อว่า จนท.นานนับชั่วโมง จนตำรวจต้องจับเป่าวัดแอลกอฮอล์ต่อหน้าพ่อแม่ ก่อนส่งตัวดำเนินคดี ส่วนนายจ้างเข่าทรุดต้องซ่อมรถเอง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด จ.ตาก ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้าส่องสว่างหักโค่นปิดขวางถนนสายแม่สอด-ท่าสองยาง ช่วงจุดกลับรถหลักกิโลเมตรที่ 7 อ.แม่สอด จ.ตาก คืนที่ผ่านมา (18 มิ.ย.) จึงประสานเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงแม่สอดที่ 2 หน่วยกู้ชีพบ้านแม่กื๊ดหลวง ร่วมกันรีบเดินทางไปช่วยเหลือ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุท่ามกลางสายฝนตกหนัก พบรถยนต์กระบะตอนเดียว หมายเลขทะเบียน บฉ 4851 ตาก ชนอัดติดกับเกาะกลางถนน สภาพล้อยางซ้ายแตกระเบิด ด้านข้างรถพังเสียหายไม่สามารถขับเคลื่อนรถได้ ห่างกันไปไกลกว่า 30 เมตร พบเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่หักโค่นล้มปิดขวางถนน เจ้าหน้าที่ต้องรีบช่วยกันเคลื่อนย้ายให้พ้นกีดขวางการจราจรแล้วรีบตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันอันตรายต่อประชาชน
ขณะเดียวกัน ตำรวจและหน่วยกู้ชีพก็เร่งรีบเข้าไปหวังจะช่วยเหลือคนขับทราบชื่อต่อมา คือ นายไพศาล (สงวนนามสกุล) อายุราว 30 ปีเศษ คนขับที่ได้บาดเจ็บที่ขา แต่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปช่วยเหลือหรือเข้าใกล้ และโวยวายเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือจนเหตุการณ์บานปลาย เมื่อนายไพศาลไม่ยอมรับเป็นคนขับรถชนเสาไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามให้สงบสติอารมณ์แต่ไม่เป็นผล จึงต้องนำตัวไปตรวจวัดหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย แต่การตรวจวัดก็เป็นไปด้วยความยากลำบากอีกเนื่องจากนายไพศาลไม่ให้ความร่วมมือ จนเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงจึงสามารถตรวจสำเร็จ
โดยผลตรวจวัดพบในร่างกายนายไพศาล มีปริมาณเกินมากกว่า 121 มิลลิกรัม เข้าข่ายเมาแล้วขับ แต่นายไพศาลก็ยังไม่ยอมรับ อ้างว่าเครื่องตรวจวัดอาจจะเสีย หรือเจ้าหน้าที่อาจจะกลั่นแกล้ง พร้อมกับร้องขอให้พ่อแม่มาเป็นพยานและขอตรวจอีกครั้ง จนตำรวจต้องยอมและตรวจอีกรอบต่อหน้าพ่อแม่และสื่อมวลชน ผลก็ยังเกินกว่ากฎหมายกำหนด จนตำรวจยุติเหตุการณ์และควบคุมตัวไปดำเนินคดี แล้วรีบทำการชักลากรถยนต์คันเกิดเหตุพ้นการกีดขวางการจราจร จนเปิดการจราจรได้ตามปกติ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายไพศาลได้ยืมรถยนต์นายจ้างกำลังจะขับกลับบ้านพักท่ามกลางฝนตกหนักก่อนรถจะเสียการควบคุมหมุนชนเสาไฟฟ้าของทางราชการล้มหักโค่นปิดทับถนน รถพังยับเยิน จนเหตุการณ์ปานปลายวุ่นวายนานนับชั่วโมง เนื่องจากนายไพศาลไม่ยอมไปสถานีตำรวจ จนสุดท้ายถูกจับไปดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับ
ส่วนนายจ้างซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุก็ถึงกับเข่าทรุด หลังเดินทางมาดูสภาพรถยนต์ เนื่องจากต้องหาเงินมาซ่อมรถเอง และล่าสุดขณะนี้แขวงทางหลวงแม่สอดที่ 2 อยู่ระหว่างเร่งติดตั้งเสาไฟฟ้าต้นใหม่อย่างเร่งด่วนแล้ว