ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปี ชุมนุมใหญ่ “เอาป่าแหว่งคืนไป” ซัดรัฐบาลไร้ความคืบหน้าแก้ปัญหา ทั้งที่ทำข้อตกลงร่วมภาคประชาชนและประกาศสัญญามั่นเหมาะ ยันเกาะติดไม่ปล่อย “จนกว่าจะรื้อ”
ช่วงค่ำวานนี้(29 เม.ย.62) ที่บริเวณลานประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นำโดยนายบัณรส บัวคลี่ ร่วมจัดกิจกรรมเนื่องโอกาสครบรอบ 1 ปี การชุมนุมใหญ่ “วันประกาศเจตนารมณ์ ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” เมื่อวันที่ 29 เม.ย.61 ซึ่งมีคนเชียงใหม่และจากทั่วประเทศจำนวนมากร่วมแสดงจุดยืนคัดค้านโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บริเวณเชิงดอยสุเทพ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกร้องให้ทำการรื้อถอนบ้านพักทั้งหมดออกไปและเร่งฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม อย่างไรก็ตามกระทั่งปัจจุบันยังไม่มีการรื้อถอนออกไปแต่อย่างใด
โดยกิจกรรมในโอกาสที่ที่ครบรอบ 1 ปี ของการชุมนุมเรียกร้องดังกล่าว ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ได้ร่วมกันจุดเทียนวางเรียงเป็นเลข 1 เพื่อแสดงสัญลักษณ์การครอบรอบ 1 ปี พร้อมทั้งชูป้ายข้อความ “#เชียงใหม่จะไม่ทน” และมีการร่วมกันประกาศว่า “เอาป่าแหว่งคืนไป” ด้วย นอจากนี้มีการออกแถลงการณ์ในโอกาสครบรอบ 1 ปี การชุมนุมใหญ่ เนื้อหาโดยสรุประบุว่า ครบรอบ 1 ปีของการชุมนุมเรียกร้องแล้วแต่รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องยังไม่ได้เดินหน้าการแก้ปัญหาตามที่ได้ประกาศเป็นข้อตกลงกับสาธารณชน แม้มีการเจรจาตกลงได้ข้อสรุปเพื่อจะแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องโดยลำดับ กระทั่งถึงนำไปสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จังหวัดลำปาง 14 ม.ค.62 ดังที่ปรากฏในข่าวสารได้ทราบทั่วกัน
อย่างไรก็ตามจนนปัจจุบันกระบวนการย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปยังจังหวัดเชียงราย ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน โดยเฉพาะงบประมาณดำเนินการที่รัฐบาลต้องจัดสรรให้ ขณะที่การฟื้นฟูพื้นที่ให้ป่าไม้กลับคืนมาดังเดิมตามข้อตกลง และตามที่ได้นำเรื่องเข้าสู่ครม.รับทราบ ยังไม่มีความคืบหน้าเป็นที่พอใจ เพราะยังไม่มีการกันพื้นที่บ้าน 45 หลังให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อจะฟื้นฟูให้เต็มรูปแบบ การดำเนินการของหน่วยงานที่จะเข้าไปฟื้นฟู กระทำโดยลำพัง ไม่เปิดกว้างและป่าวร้องเปิดให้สาธารณชนชาวเมืองทุกกลุ่มทุกเหล่ามีบทบาทและส่วนร่วมตามที่ได้มีการเจรจาตกลงระหว่างตัวแทนประชาชนกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ยังไม่มีการดำเนินการทบทวนบทเรียน ข้อผิดพลาด จากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐที่กระทบกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อจะปรับปรุงข้อกฎหมาย อนุบัญญัติต่างๆ เพื่อมิให้เหตุดังกล่าวเกิดซ้ำรอย ตามที่รัฐบาลได้ประกาศเป็นหนึ่งในแนวทางแก้ปัญหา ทั้งนี้แม้จริงอยู่ ที่เวลานี้ไม่มีผู้ใดเข้าไปใช้ประโยชน์และอาศัยในเขตบ้านพัก 45 หลัง ซึ่งที่สุดแล้ว แต่ทว่ากระบวนการเพื่อดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้ลุล่วงถึงที่สุดเพื่อให้ฟื้นฟูป่ากลับมาดังเดิมก็ยังคงค้างคา จนใกล้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จะยัง ติดตามและทวงถามความคืบหน้าการดำเนินการทั้งปวงจากรัฐบาลต่อไป ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะประกอบจากคณะเดิมหรือคณะใหม่ เพราะที่สุดแล้ว อาคารบ้านพักที่ขึ้นไปสร้างบนดอยจะต้องแปลงสภาพกลับมาเป็นป่าสมบูรณ์ตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับปากไว้และระบุไว้ชัดเจนว่าการรื้อถอนที่จะเกิดในอนาคตกระทำโดยกฎหมาย
ทั้งนี้เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพตลอดถึงประชาชนชาวเมืองยืนยันในข้อเรียกร้อง หลักการ และเหตุผลว่า หมู่บ้านป่าแหว่งต้องรื้อถอนออก นำป่ากลับคืนมาดังเดิม สร้างบรรทัดฐานการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และดอยศักดิ์สิทธิ์ของเมือง ดังที่แถลงต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา หากรัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องเพิกเฉย แสร้งถ่วงกระบวนการให้ล่าช้าไม่เป็นไปตามที่รับปาก หมู่บ้านป่าแหว่งก็จะยังเป็นอนุสาวรีย์แห่งความล้มเหลว ไร้เหตุผล ขาดวิจารณญาณของภาครัฐคาอยู่เช่นนี้ต่อไป
ขณะที่นายบัณรส บัวคลี่ กล่าวว่า ผ่านมา 1 ปีแล้ว ที่พี่น้องประชาชนผู้รักหวงแหนบ้านเมืองเชียงใหม่และดอยสุเทพ ได้มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องคัดค้านโครงการดังกล่าว และได้รับคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลว่าจะแก้ไขปัญหาให้ อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการแก้ไขปัญหาจนเบ็ดเสร็จหรือดำเนินการตามความต้องการของพี่น้องประชาชนเลย โดยเฉพาะการฟื้นฟูสภาพป่าและการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ยืนยันว่าคนเชียงใหม่จะยังคงติดตามและเรียกร้องทวงถามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงที่สุดหรือจนกว่าจะรื้อถอนบ้านพักทั้งหมดออกไปแล้วทำการฟื้นฟูสภาพป่า