ระยอง - สทร. แจงเหตุเรือลากจูงจมหน้าท่าฯ ทำชาวบ้านหวั่นผลกระทบสิ่งแวดล้อมว่าสามารถเก็บกู้น้ำมัน 400 ลิตรที่รั่วไหลลงทะเลได้แล้ว ส่วนสาเหตุคาดเกิดจากวาล์วใต้ท้องเรือเสียหายทำน้ำเข้าเรือจนจม ขณะที่การกู้ซากจะใช้เวลา 48 ชม.
จากกรณีที่เกิดเหตุเรือยนต์นารายณ์7 ขนาด GRT 66.85 ตัน ซึ่งเป็นเรือลากจูงของ บริษัท ไทยคอนเทนเนอร์โอเปอร์เรชั่น จำกัด ได้จมลงทะเลขณะจอดปฏิบัติงานสนับสนุนอุปกรณ์บริเวณท่าเรือ โกลว์ เอสพีพี 3 ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อเวลา 07.30น. วานนี้ ( 18 มี.ค.) ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่พากันหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลนั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ( 19 มี.ค.) น.ส.นลินี กาญจนามัย ผู้อำนวยการ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร).อ.เมืองระยอง ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเรือที่ประสบเหตุเป็นลากจูงชื่อนารายณ์ 7 ขนาด 66.85 ตันกรอส โดยมีน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นเชื่อเพลิงประมาณ 400 ลิตรรั่วไหลลงทะเล ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และภายหลังเกิดเหตุสำนักงานเจ้าท่าระยอง และบริษัท ไทยคอนเทนเนอร์โอเปอร์เรชั่น จำกัด ได้จัดประชุมร่วมกันเพื่อหาสาเหตุของการจมทะเลของเรือลำดังกล่าว
พร้อมทั้งลงพื้นที่สำรวจจุดเกิดเหตุเพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเก็บกู้คราบน้ำมันที่รั่วไหลด้วยความระมัดระวังป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้ใช้วิธีบูมล้อมจุดเกิดเหตุและซับคราบน้ำมันที่รั่วไหลจนหมดสิ้นภายในเวลา 16.30น.วานนี้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เรือจมสันนิษฐานเบื้องต้นว่าน่าจะเกิดจากวาล์วใต้ท้องเรือเสียหายจนทำให้น้ำเข้าเรือ”
“ ส่วนขั้นตอนการกู้ซากเรือนั้นได้มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญการกู้ซากเรือ ให้ส่งนักประดาน้ำลงไปประเมินสถานการณ์ และจัดทำแผนเตรียมพื้นที่เพื่อให้เรือบรรทุกเครนและอุปกรณ์สนับสนุนสามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่กีดขวางการทำงาน ซึ่งนักประดาน้ำได้ลงไปใช้ลวดสลิงผูกเรือที่จมและใช้เครนยกพยุงเรือให้ตั้งขึ้นจนทำให้เรือสามารถลอยน้ำขึ้นมาได้แล้ว คาดว่าหลังจากนี้จะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงจึงจะสามารถกู้ซากเรือได้ทั้งหมด ” น.ส.นลินี กล่าว
