บุรีรัมย์ - พ่อสาวบุรีรัมย์ ชาว อ.ชำนิ เครียดจัดเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐหรือผู้รู้ กม.ช่วยเหลือ หลังลูกสาวถูกหลอกทำงานผ่านเฟซบุ๊ก สุดท้ายถูกแจ้งความยักยอกเงิน 8 หมื่น ทั้งอยากให้หาตัวผู้หลอกลวงตัวจริงมาดำเนินคดี เชื่อทำเป็นขบวนการ
วันนี้ (30 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ น.ส.เสาวลักษณ์ หาญสุวรรณ์ หรือฝ้าย อายุ 30 ปี ชาวตำบลหนองปล่อง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐานทั้งสเตทเมนต์ธนาคารเกี่ยวกับการโอนและถอนเงิน รวมถึงสลิปการชำระหรือเติมเงินเข้าระบบบริการเสริมโทรศัพท์มือถือ (ทรู มันนี่วอลเล็ต) และบทสนทนาผ่านเฟซบุ๊ก ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งมิจฉาชีพที่ประกาศรับสมัครงานผ่านเพจเฟซบุ๊ก หลอกให้ทำงานเป็นตัวแทนรับจ่ายยอดให้กับลูกค้าที่อยู่ในประเทศไทย โดยอ้างว่าตัวเองอาศัยอยู่ต่างประเทศไม่สะดวกที่จะดำเนินการเอง เสนอจะให้ค่าตอบแทนครั้งละ 100-150 บาท ซึ่ง น.ส.เสาวลักษณ์หลงเชื่อรับทำงานเนื่องจากกำลังตกงาน จากนั้นมีเงินโอนเข้าบัญชี น.ส.เสาวลักษณ์ 11 ครั้ง รวมเป็นเงิน 75,000 บาท และ น.ส.เสาวลักษณ์ได้ไปถอนเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มแล้วนำไปเติมเข้าโทรศัพท์มือถือตามที่เจ้าของเฟซฯ บอก 6 ครั้ง ได้เงินค่าตอบแทน 1,000 บาท
แต่สุดท้ายกลับมีผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และ สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม กล่าวหาว่ายักยอกเงิน เนื่องจากเงินที่โอนมานั้นเข้าบัญชี น.ส.เสาวลักษณ์ ไม่ถึงบัญชีปลายทางที่ต้องการจะโอน
ล่าสุด น.ส.เสาวลักษณ์ ได้โทรศัพท์ไปสอบถามหนึ่งในผู้ที่แจ้งความกล่าวหาว่ายักยอกเงินซึ่งเป็นชาว จ.นครปฐม โดยหญิงคนดังกล่าวระบุว่า หลานได้ส่งข้อความทางเฟซบุ๊กมาขอยืมเงินกับตน ซึ่งหลานทำอาชีพเป็นคนกลางขายอาหารกุ้ง จากนั้นหลานส่งหมายเลขบัญชีมาให้ แต่เป็นชื่อบัญชีของ น.ส.เสาวลักษณ์ เข้าใจว่าเป็นบัญชีของแม่ค้าที่หลานต้องการจะให้โอนเงินไปให้จึงไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งมาทราบภายหลังว่าหลานไม่ได้รับเงินแต่เงินถูกโอนในเข้าบัญชี น.ส.เสาวลักษณ์จึงได้เข้าแจ้งความ
ทั้งนี้ หญิงคนดังกล่าวยังได้เร่งให้ น.ส.เสาวลักษณ์จ่ายเงินที่โอนมาในบัญชีคืนให้ทั้งหมดด้วย ขณะที่ น.ส.เสาวลักษณ์ขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้ยักยอกเงิน แต่ถูกหลอกให้ตกเป็นเหยื่อโอนเงินผ่านบัญชีเท่านั้น
นายณรงค์ หาญสุวรรณ์ อายุ 54 ปี พ่อของ น.ส.เสาวลักษณ์ บอกว่า ตอนที่ลูกสาวสมัครทำงานผ่านเพจเฟซบุ๊กก็ไม่ได้มาปรึกษาหรือบอกอะไร ลูกสาวเพิ่งมาเล่าให้ฟังหลังจากที่ถูกอายัดบัญชีแล้ว และพอวันต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาแจ้งว่ามีคนไปแจ้งความกล่าวหาว่าลูกสาวยักยอกเงิน และให้นำเงินไปคืนคนที่แจ้งความ ทำให้เครียดจนนอนไม่หลับ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐ หรือผู้ที่รู้กฎหมาย ช่วยเหลือโดยการตรวจสอข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมตรวจสอบปลายทางที่เงินถูกโอนไป เพราะเงินที่โอนมาในบัญชีลูกสาวได้เติมเข้าไปในระบบบริการเสริมโทรศัพท์มือถือไปทั้งหมด ตามที่คนในเฟซฯ บอกแล้ว ทั้งอยากให้หาคนที่หลอกลวงตัวจริงมาดำเนินคดีกฎหมาย และนำเงินมาคืนให้ผู้เสียหายด้วย เพราะเงินเกือบ 8 หมื่น ครอบครัวคงไม่มีปัญญาที่หามาคืนได้
