อุบลราชธานี - “สุริยะ” ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ หวัง 60 ที่นั่ง ส.ส.ภาคอีสาน โดยกวาดเรียบ 10 ที่นั่ง ส.ส.อุบลฯ ชูนโยบายสร้างความสงบปรองดอง ราคาพืชผลดี บัตรสวัสดิการช่วยคนจนเป็นตัวนำสู่ชัยชนะ
เมื่อเช้าวันนี้ (25 ธ.ค.) ที่สำนักงานนายสุพล ฟองงาม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ จ.อุบลราชธานี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกำกับดูแลการหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด พร้อมด้วย นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.เขตในภาคอีสานตอนล่าง ได้พบปะพูดคุยกับประชาชนที่เป็นแกนนำหาเสียง พร้อมประชุมร่วมกับผู้สมัครของพรรคนานกว่า 1 ชั่วโมง
โดยนายสุริยะกล่าวกับแกนนำของพรรคเพื่อนำนโยบายของพรรคไปแจ้งแก่ประชาชนที่มีสิทธิทราบว่า พรรคมีนโยบาย 3 ประการ คือ การแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร การให้สวัสดิการแก่ประชาชน และการทำให้บ้านเมืองสงบสุข
ที่ผ่านมารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถทำให้ชาวนาขายข้าวได้สูงถึงตันละกว่า 18,000 บาท และปัจจุบันรัฐบาลได้แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีรายได้น้อยไปแล้วกว่า 14 ล้านใบ พร้อมผลักดันให้ที่ดิน ส.ป.ก.นำไปออกเป็นโฉนดเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ รวมทั้งยังก่อให้เกิดความปรองดองและความสงบสุขในบ้านเมืองมาถึงวันนี้
นายสุริยะยังได้กล่าวอีกว่า ตนตั้งเป้าได้ผู้แทนในภาคอีสานประมาณ 60 คน โดยอีสานใต้มีอยู่ 23 เขต น่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.มาเกือบทั้งหมด และเมื่อได้คุยหารือกับนายสุพล กับทีมงานของพลังประชารัฐยิ่งมั่นใจว่า จังหวัดอุบลราชธานีมี ส.ส.ทั้งหมด 10 คน เมื่อกระแสของพรรคดีวันดีคืน วันนี้อย่างน้อยน่าได้ถึง 8 ที่นั่ง และถ้าทำให้เกิดเป็นกระแสต่อเนื่องไปอีก มีโอกาสจะได้ทั้ง 10 ที่นั่งเป็นไปได้มาก
ผู้สื่อข่าวถามอะไรจะทำให้พลังประชารัฐกวาดที่นั่ง ส.ส.ได้จำนวนมาก นายสุริยะกล่าวต่อว่า พลังประชารัฐมีจุดแข็งด้านนโยบายของรัฐบาลได้ทำไว้หลายเรื่องที่ถูกใจประชาชน โดยเฉพาะเรื่องของความสงบ ซึ่งเป็นความต้องการของพี่น้องชาวอุบลราชธานี ต้องการให้ก้าวพ้นความขัดแย้งที่เคยมีวิกฤตทางการเมือง มีการเผาศาลากลางจังหวัด
“วันนี้ผมคุยกับเจ้าของร้านอาหารที่ไปรับประทานข้าว เจ้าของร้านบอกว่า ภาพของการเผาศาลากลางในอดีตยังติดตาอยู่ จึงอยากให้พรรคพลังประชารัฐชูเรื่องของความสงบ เพราะเป็นเรื่องแรกที่ชาวจังหวัดอุบลราชธานีต้องการ”
เรื่องต่อมาคือ การต่อยอดนโยบายที่รัฐบาลทำอยู่ คือ บัตรประชารัฐที่ช่วยเหลือประชาชนที่ยังลำบากให้ได้อานิสงส์ลดค่าครองชีพ ส่วนอีกเรื่องคือ ราคาพืชผล โดยเฉพาะข้าวที่รัฐบาลได้ดูแลจนพี่น้องภาคอีสานมีความสุขกับราคาข้าวที่สูงกว่า 17,000-18,000 บาทต่อตัน จึงเป็นจุดแข็งของพรรคในขณะนี้
หลังจากนั้นนายสุริยะได้เดินทางไปพบปะกับสมาชิกและผู้สมัครของพรรคที่จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ
